พรรคร่วมฝ่ายค้าน ร้อง ป.ป.ช.เอาผิด ‘ศักดิ์สยาม-นิพนธ์’ ทุจริตต่อหน้าที่ คิดถึงประโยชน์ส่วนตัว เอื้อพวกพ้อง

‘ทวี-นิคม-มงคลกิตต์’ ร้อง ป.ป.ช.เอาผิด ‘ศักดิ์สยาม-นิพนธ์’ เอื้อประโยชน์พวกพ้อง

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน ประกอบด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เข้ายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.

ขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กรณีมีพฤติการณ์และหลักฐานที่เชื่อว่ากระทำการทุจริต

เนื่องจากนายศักดิ์สยามมีหนังสือสั่งการไปยังหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงคมนาคม ให้ส่งร่างทีโออาร์ของการประมูลโครงการต่างๆ ให้ตรวจสอบก่อน และเมื่อประมูลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนลงนามในสัญญาจะต้องแจ้งให้กับรัฐมนตรีรับทราบเพื่อดำเนินการต่อไป

Advertisement

ซึ่งข้อสั่งการดังกล่าว ทำให้เห็นถึงการแทรกแซงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยกระทำการนอกเหนือจากที่พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐกำหนดไว้ ทำให้ทราบข้อมูลภายในเกี่ยวกับกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของงาน ก่อนที่จะดำเนินการก่อสร้าง เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่เป็นพวกพ้องของตน และยังทำให้ข้าราชการในสังกัดไม่กล้าที่จะกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของงานให้แตกต่างเป็นอย่างอื่น

การกระทำของนายศักดิ์สยาม ถือเป็นการแทรกแซงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 186 ว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์ และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ จึงขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ เพื่อนำไปสู่การลงโทษตามกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้ ยังยื่นขอให้เอาผิดกับนายศักดิ์สยามกรณีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ที่พบว่ามีเครือญาติของนายศักดิ์สยามเข้าครอบครองที่ดิน จำนวนกว่า 5,000 ไร่ ทั้งที่เป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย และเป็นพื้นที่สงวนหวงห้ามของรัฐ

Advertisement

แต่รัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลการรถไฟแห่งประเทศไทย กลับไม่เพิกถอนโฉนดตามที่ศาลฎีกามีคำพิพากษา ซึ่งถือเป็นการจงใจไม่รักษาผลประโยชน์ของรัฐ มีผลประโยชน์ทับซ้อน ทุจริตต่อหน้าที่ ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง และกระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ในส่วน นายนิพนธ์ เป็นกรณีเอื้อประโยชน์ให้เครือญาติกว้านซื้อที่ดินในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งเข้าข่ายการกระทำความผิดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์และมีผลประโยชน์ทับซ้อน

การยื่นร้องเอาผิดต่อ ป.ป.ช.ในครั้งนี้ เป็นผลพวงมาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนหน้านี้ และถือเป็นรัฐมนตรีจำนวน 4 รายแล้ว ที่ถูกยื่นร้องต่อ ป.ป.ช. หลังจากก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยได้ยื่นเอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เห็นว่านายศักดิ์สยามและนายนิพนธ์ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัว ไม่รักษาประโยชน์ประเทศชาติ ทำให้ทรัพย์สินประเทศเกิดความเสียหาย รายละเอียดส่วนใหญ่อยู่ในการอภิปราย โดยเฉพาะประเด็นกระทรวงคมนาคม จริงๆ เป็นเรื่องเก่าที่ ป.ป.ช.ได้มีมติเป็นที่ยุติแล้วเมื่อปี 2554และทำหนังสือให้ รฟท.ขับไล่ผู้บุกรุก และให้กรมที่ดินได้เพิกถอน แต่ปราฎว่ายังไม่มีการดำเนินการ จนกระทั่งศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าที่ดินตามแผนที่ 5,083 ไร่ 80ตารางวา เป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ หวงห้ามไว้เป็นสาธารณสมบัติ อยู่ในการดูแลของการรถไฟ

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ศาลยังมีคำสั่งว่าใครที่เข้าไปครอบครองอยู่ให้เพิกถอน รื้อถอน และเรียกค่าเสียหาย ประเด็นนี้เราก็เห็นว่าได้อภิปรายรัฐมนตรีที่กำกับดูแลการรถไฟ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งการมาร้อง ป.ป.ช.ของฝ่ายค้านก็เป็นการดำเนินการให้สุดกระบวนการ ส่วนรายละเอียดขอไม่เปิดเผย เพราะ ป.ป.ช.ได้รับไว้พิจารณาแล้ว

นายนิคม กล่าวว่า ขณะนี้ศาลฎีกามีคำพิพากษาในคดีรุกที่เขากระโดงแล้ว เห็นว่าเป็นเรื่องถูกต้องตามกฎหมายที่ใครไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา ส.ส. หรือนายกฯก็ตาม อยากให้กฎหมายบังคับใช้ให้เกิดความเป็นธรรม ไม่ใช่กฎหมายมีไว้เพื่อขังคุกคนจน คนไม่ร่ำรวย ไม่มีตำแหน่งหน้าที่

“การกระทำของนายศักดิ์สยามจึงเข้าข่ายมาตรา 157 ละเว้นการปฏบัติหน้าที่หรือไม่ เพราะเป็นรัฐมนตรีกำกับดูแลกระทรวงคมนาคมและการรถไฟ แต่ไม่มีการดำเนินการต่อทั้งที่ทราบอยู่แล้วว่าที่ดินแห่งนี้เป็นของการรถไฟ ฝ่ายค้านจึงต้องยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ” นายนิคมกล่าว

ด้าน นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ที่ต้องดำเนินการกับศักดิ์สยาม สืบเนื่องจากที่ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนใช้เวลารวบรวมหลักฐานและฟังคำชี้แจงของศักดิ์สยามแล้ว จึงได้มายื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบต่อ ใน 3 ประเด็น 1.กระทำการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 186 ประกอบมาตรา 184 เกี่ยวกับเรื่องของการแทรกแซงหน่วยงานในกำกับในกระทรวงคมนาคมทั้งหมด และให้ไปตรวจสอบว่ากากรระทำดังกล่าวมีการรู้เห็น หรืออาจจะรู้เห็นเป็นใจอย่างไร ในการปล่อยปละละเลยให้หน่วยงานในกำกับไปดำเนินการแก้ไขคุณลักษณะในการประกวดราคาในปีงบประมาณ 63 และ 64

นายมงคลกิตติ์ กล่าวอีกว่า โดยปี 63 ไม่ได้มีการลงนามในเอกสาร แต่ปี 64 นายศักดิ์สยามลงนามเซ็นกำกับ แม้จะชี้แจงว่าดำเนินการถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาล แต่ก็เห็นว่าควรให้ ป.ป.ช.ชี้ให้ชัดว่าทำถูกต้องหรือไม่ นอกจากนี้ยังพบว่ามีการดำเนินการแก้ไขคุณลักษณะในการประมูลงานของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท ซึ่งคระกรรมการนโยบายจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเคยบอกแล้วว่าการรับเหมา การก่อสร้างงานให้กำหนดคุณลักษณะแฉพาะประสบการณ์และผลงานที่เคยประมูลงานมา ไม่น้อยกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่มีใครเขาดำเนินการว่างานก่อสร้างไปจะต้องมีโรงงานผสม แอสฟัลต์คอนกรีต หรือหนังสือรับรอง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นการกีดกันทางการค้า อาจเข้าข่ายเป็นการทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาหน่วยงานรัฐ 42 มาตรา 11 และมาตรา 13 จึงต้องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ

ขณะที่ นายประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า ประเด็นของพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องเกี่ยวกับนายนิพนธ์ เรื่องมาตรฐานจริยธรรม คุณธรรม ของนักการเมือง ซึ่งปรากฏอยู่ในข้อบังคับ ระเบียบ ป.ป.ช.ที่จะไปดำเนินการต่อได้ รายละเอียดเป็นไปอย่างที่อภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงได้มีการมายื่นต่อ ป.ป.ช. ทั้งนี้ มั่นใจว่าเอกสารมีน้ำหนักที่ ป.ป.ช.จะสามารถพิจารณาได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องไปหาพยานหลักฐานอื่น และหวังว่า ป.ป.ช.จะพิจารณาอย่างรวดเร็ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image