วิษณุ- พินิจ ร่วมพิธีลงนามเปิดตัวบริษัทโลจิสติกส์ ไทย-จีน ร่วมทุน เตรียมคอนเทนเนอร์ขนส่งผลไม้ไปจีนอื้อ

วิษณุ-พินิจ ร่วมเป็นสักขีพยาน จัดพิธีลงนามสัญญาความร่วมมือไทย-จีน เปิดตัวบริษัทโลจิสติกส์ ขนส่งครบวงจรทั่วโลก บริษัทใหญ่ร่วมทุน ใช้บริการ เตรียมคอนเทนเนอร์ส่งผลไม้ไทยเข้าจีนอื้อ

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 20 มีนาคม ที่โรงแรมรามาดา พลาซ่า แม่น้ำ ริเวอร์ไซด์ นายพินิจ จารุสมบัติ ประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน และส่งเสริมความสัมพันธ์ จัดพิธีลงนามในสัญญาความร่วมมือระหว่าง ไทย-จีน เปิดตัวบริษัทยี้ฟาน อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี มีผู้เข้าร่วม อาทิ นายหวัง เจียน กรรมการผู้จัดการ ผู้แทนจากประเทศจีน นายจิตรกร เผด็จศึก ประธานหอการค้า จังหวัดฉะเชิงเทรา นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธาน บริษัท คาราบาว กรุ๊ป พร้อมตัวแทนจากบริษัทขนาดใหญ่ของจีน ประจำประเทศไทยเข้าร่วม โดยบรรยากาศเป็นอย่างชื่นมื่น บริษัท ยี้ฟาน ฯ ตั้งเป้าทำธุรกิจขนส่งทั่วโลกครบวงจร โดยเป้าหมายในปีแรกให้บริการทั้งหมด 1 แสนตู้คอนเทนเนอร์ในปีแรก และภายใน 5 ปี ตั้งเป้าจะให้บริการได้มากกว่า 1 แสนตู้ ต่อปี

นายวิษณุกล่าวแสดงความยินดีว่า ในฐานะที่ตนมาจากภาครัฐบาล ก็ทำให้นึกถึงเมื่อปีที่แล้วมีสถานการณ์ โควิด- 19 เกิดขึ้นทั่วโลกระหว่างคนต่อคนก็ยังต้องเว้นระยะห่าง เช่นเดียวกับการติดต่อระหว่างประเทศ ทำให้ไทยและจีนก็ต้องเว้นระยะห่างในการทำมาค้าขาย แต่ขณะนี้สถานการณ์ได้ฟื้นดีขึ้นกว่าเดิมเป็นมาก การค้า การติดต่อ การคมนาคม และการขนส่งก็เริ่มกลับมาอย่างเดิมและนับวันก็จะยิ่งดีขึ้น

โดยทราบว่าจะมีวัคซีนพาสปอร์ตระหว่างไทย-จีน และการติดต่อความสัมพันธ์การค้าขายกับจีนก็น่าจะกระชับมิตรแน่นยิ่งกว่าเดิม แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ไม่ใช่อาศัยรัฐบาลอย่างเดียว เพราะทางรัฐบาลมีข้อจำกัดหลายอย่าง แต่ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนด้วยกัน โดยเฉพาะถ้ามีหน่วยงานกลางเป็นตัวเชื่อมคล้ายสะพาน การค้าขายก็จะกลับคืนได้อย่างเดิม จึงนับเป็นการดีอย่างยิ่งและโชคดีที่เรามีสภาวัฒนธรรมไทย-จีน และส่งเสริมความสัมพันธ์ ซึ่งตั้งมานานมาก เป็นตัวกลางจับคู่ระหว่างนักธุรกิจไทยและนักธุรกิจจีนให้กลับมาทำงานค้าขายติดต่อกัน เป็นการทลายสิ่งที่เรียกว่า Economic Distancing อย่างไรก็ตามการขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับจีนก็มีความสำคัญ ซึ่งบริษัทของนายจิตรกร เผด็จศึก ประธานหอการค้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ก็มีรถและตู้ขนส่งเพียงพอทำให้การค้าขายและการขนส่งดำเนินไปได้

Advertisement

นายวิษณุกล่าวว่า ตนจะนำเรื่องนี้ไปเล่าให้รัฐบาลฟัง เพื่อส่งเสริมให้มีการจับคู่ในลักษณะนี้ และเรื่องอื่นๆ โดยนายพินิจ จารุสมบัติ ประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีนฯ ระบุกับตนว่าสินค้าเกษตร เช่น ทุเรียน ที่ออกมาและกำลังจะออกมาถูกจับจองสั่งซื้อ และเตรียมขนส่งไปสู่จีนหมดแล้ว ทั้งนี้ ตนก็ขอแสดงความยินดีที่จะมีการลงนามความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ตัวอย่างนี้เป็นตัวอย่างที่ดีน่าชมเชย ก็ขออวยพรให้กิจการนี้ประสบความสำเร็จเพื่อประโยชน์แก่เศรษฐกิจไทยและจีนและความสัมพันธ์ไทย-จีน ตลอดไป

นายพินิจ ให้สัมภาษณ์ ว่า ในการลงนามเปิดตัวบริษัทในครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจในยุคโควิด-19 เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการขนส่งสินค้า การนำเข้าส่งออกในพื้นทีอาเซียน และพื้นที่อื่นๆ ที่ต้องใช้ตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมาก ซึ่งการค้าระหว่างจีนและไทยยังดำเนินต่อไป แม้สินค้าบางอย่างจะมียอดการส่งออกลงลด ขณะที่สินค้าบางตัวได้เพิ่มขึ้น เช่น ทุเรียน ที่ปีนี้ยอดสั่งซื้อสั่งจองหมดแล้ว ราคารับซื้อที่หน้าสวนกิโลกรัมละ 200 บาท จำเป็นต้องใช้ตู้คอนเทนเนอร์ขนถ่ายทุเรียน หลายหมื่นตู้ โดยยังมีสินค้าประเภทอื่นด้วย ทำให้การขนถ่ายสินค้าระหว่างไทย-จีน ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย

ดังนั้น การเปิดบริษัทร่วมทุนระหว่างไทย-จีน ในการดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์นี้ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีมาก เพราะเมื่อมีนักธุรกิจกล้ามาลงทุนในด้านนี้ ก็ต้องมองว่ามีช่องทางที่จะไปได้ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่มีการนำเข้าส่งออกจำนวนมาก ทำให้ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ และก็เป็นนิมิตหมายอันดี ที่บริษัทของจีนมีตู้คอนเทนเนอร์เพียงพอที่จะมาช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ เมื่อตนมองแล้ว ก็เห็นว่ากลุ่มคนไทยทำธุรกิจขนส่งสินค้าอยู่แล้ว ตนจึงสนับสนุนในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนครั้งนี้ โดยการร่วมทุนครั้งนี้ เป็นผลพวงมาจากการจัดงานยางพาราที่ จ.บึงกาฬ ที่นายวิษณุ เคยไปเปิดงาน มีความมั่นใจว่าการทำธุรกิจครั้งนี้ เป็นไปได้ด้วยดี

นายพินิจกล่าวว่า นายวิษณุ ได้สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนมาตลอด ทั้งวัฒนธรรม การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการศึกษา โดยการลงนามในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมการลงทุนทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน จะทำให้การค้าระหว่างไทย-จีน มีตัวเลขเพิ่มขึ้น ซึ่งในวันนี้ มีบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนกว่า 30 บริษัท ที่อยู่ในไทย มาร่วมงานด้วย เช่น หัวเว่ย และ MG นอกจากนี้ บริษัทของไทย อย่างบริษัท คาราบาว กรุ๊ป ก็มาติดต่อขอให้ช่วยขนถ่ายสินค้า ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้าต่อไปในอนาคต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image