พิธา บุก ‘จะนะ’ กรีดแผลซ้ำ ‘นิพนธ์’ สานต่อภารกิจศึกซักฟอก ตั้งวงแลกเปลี่ยน แนวทางพัฒนาภาคใต้

พิธา บุก ‘จะนะ’ กรีดแผลซ้ำ ‘นิพนธ์’ สานต่อภารกิจศึกซักฟอก ตั้งวงแลกเปลี่ยน แนวทางพัฒนาภาคใต้ ชี้ รัฐต้องเข้าใจจุดแข็งทดแทนจุดอ่อน เพื่อคนพื้นที่

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นำส.ส. ลงพื้นที่รับฟังภาคประชาชนกลุ่มเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา หลังจากที่ นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กรณีมีผลประโยชน์เบื้องหลังโครงการ ‘เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจะนะ เมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต’

โดยชาวบ้านได้สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการอภิปรายครั้งนั้นว่าพวกเขารู้สึกมีความหวังที่มีพรรคการเมืองนำเอาความไม่ธรรมตลอด 20 ปีที่พวกเขาร่วมต่อสู้กันมาเปิดเผยต่อสาธารณะและนำไปอภิรายไม่ไว้วางใจเป็นตัวแทนของพวกเขาที่พยายามพูดให้สังคมรับรู้มาตลอด ซึ่งต่อมาหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจของนายประเสริฐพงศ์ มีรัฐมนตรีท่านหนึ่งออกมาสั่งให้มีการชะลอการดำเนินการของนิคมอุตสาหกรรมจะนะ แต่เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้นทาง ศอ.บต. กลับมีคำสั่งเดินหน้าโครงการดังกล่าวเหมือนเดิม

นายพิธา กล่าวว่า แม้วันนี้การอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรค ก.ก. จะจบลงแต่ ส.ส. ยังคงติดตามประเด็นทุกประเด็นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงประเด็นนิคมจะนะ อีกทั้งยังให้สัญญากับพ่อแม่พี่น้องทุกท่านว่าพรรคก้าวไกลจะรักษาธรรมชาติและวิถีชีวิตของจะนะและต่อสู้เคียงข้างพี่น้องทุกท่าน

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าของวันนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมเวทีเสวนา การเมือง ก้าวไกล พัฒนาบนฐานสังคมทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม โดยมีภาคประชาชนร่วมกันแลกเปลี่ยน ประเด็นการพูดคุยในการเสวนาครั้งนี้ คือการพัฒนาเศรษฐกิจภาคในในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งที่ประชาชนในพื้นที่ประสบคือการพัฒนาเศรษฐกิจไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น การพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐมุ่งเน้นเพื่อเพิ่มมูลค่าของทรัพยากรภาคใต้โดยไม่สนใจผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมที่หล่อเลี้ยงชีวิตประชาชน

นายประสิทธิชัย หนูนวล กล่าวว่า เราพูดถึงการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลมาเป็นเวลานานแต่ปัญหาเหล่านี้ไม่เคยถูกแก้ไขเพราะ การออกแบบการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลในภาคใต้ เป็นการออกแบบที่ข้ามวิถีชีวิต การมุ่งเน้นพัฒนาเศรษฐกิจมาพร้อมกับการทำลายสิ่งแวดล้อม ดังนั้นหน้าที่ของภาคประชาชนคือการประท้วงเรียกร้องเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพยากรต่อไป ตราบใดที่แผนพัฒนาเศรษฐกิจที่รัฐบาลกล่าวอ้างยังไม่มีประชาชนอยู่ในแผน หน้าที่เรียกร้องก็คงยังต้องทำต่อไป

Advertisement

ขณะที่ นายพิธา กล่าวว่า ตนรู้สึกชื่นชมและหลงใหลในธรรมชาติของพื้นที่ภาคใต้อีกทั้งรู้สึกดีใจที่พี่น้องประชาชนร่วมกันปกป้องวิถีชีวิตของตนเอง อีกทั้งชวนให้นึกถึงคำที่ว่า ภาคใต้คือ คำสาปของทรัพยากร พื้นที่ที่มีทรัพยากรธรรมชาติมากแต่กลับมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจน้อยกว่าพื้นที่อื่นๆ แต่กลับพึ่งพาเศรษฐกิจหนักทั้งที่จุดเด่นของภาคใต้เป็นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ความโดดเด่นทางพหุวัฒนธรรม ดังนั้นสิ่งที่ตนอยากแลกเปลี่ยนเพื่อเป็นข้อเสนอ คือ

ประเด็นเเรก เปลี่ยนจาก Outside in เป็น Inside out ต้องไม่คิดว่าจะขายอะไรตามตลาดโลก แต่ต้องขบคิดแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจจากจุดแข็งของภาคใต้เอง

ประเด็นที่สอง คือ การสร้างแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจจากอุตสาหกรรมสมอง ดึงดูดผู้เชี่ยวชาญการทำงานอุตสาหกรรมดิจิตอล ทั้ง 2D และ 3E คือ 2D Digital และ Design และ 3E Environment Education Energy ความสมบูรณ์ของธรรมชาติและประสบการณ์ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของภาคใต้ นำมาป็นแม่เหล็กดึงดูดบุคลากรเหล่านี้ ไม่มีใครอยากมาอยู่ในเขตที่เป็นอุตสาหกรรมหนักและสิ่งแวดล้อมไม่ดีอย่างแน่นอน

และประเด็นสุดท้าย คือ เปลี่ยน Low tech – Low touch เป็น Hi tech-Hi touch ไม่ขายผลิตภัณฑ์การเกษตรแบบปฐมภูมิ แต่ต้องพยายามยกระดับการแปรรูปเพิ่มมูลค่าจากความอุดมสมบูรณ์ของภาคใต้ สร้าง supply chain ให้กว้างที่สุดในพื้นที่ภาคใต้เอง

“สิ่งที่รัฐต้องความเข้าใจคือการมองเห็นจุดแข็งและทดแทนจุดอ่อนเพื่อความยั่งยืนและคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่น” นายพิธา กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image