ไม่ว่าความหงุดหงิดอันมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าความหงุดหงิดอันมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นความหงุด หงิดที่สามารถเข้าใจได้
บางคนอาจมองไปที่การปรากฏขึ้นของสถานการณ์ #ม็อบ24มีนาคม ซึ่งมีคนเข้าร่วมอย่างคึกคัก คับคั่ง
ทั้งๆที่หลายคนรับรู้อารมณ์ชื่นบานภายหลังสถานการณ์ในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อคืนวันที่ 17 มีนาคม ที่สามารถติด ”ดิสเบรก” การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญลงได้
กระนั้น สภาพทางการเมือง ซึ่งตามมากลับเป็นความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ ท่าทีของพรรคภูมิใจไทยต่อพรรคพลังประชารัฐ
รวมถึงการไล่เบียดกันเอง “ภายใน” พรรคพลังประชารัฐที่อาจส่งผลสะเทือนต่อตำแหน่งเลขาธิการพรรค ซึ่งเพลี่ยงพล้ำอย่างต่อ เนื่องนับแต่การเลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราชเป็นต้นมา
เมื่อแผลภายในพรรคพลังประชารัฐถูกสะกิดซ้ำโดยคำถามจากนักข่าว ความหงุดหงิดจึงปะทุออกมาถึงขั้น ”อหิวาต์” ระบาด
มีความขัดแย้งของแต่ละกลุ่มแต่ละมุ้ง ”ภายใน” พรรคพลังประชารัฐดำรงอยู่จริง ทำไมคนระดับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะไม่รู้
จุดเริ่มต้นอาจมาจากการช่วงชิง ”การนำ” ในห้วงแห่งการเลือกตั้งซ่อม เขต 3 นครศรีธรรมราช
เพราะรูปธรรมที่ปรากฏก็คือ กลุ่มที่ถูกเรียกขานว่า ”3 ช.” สามารถเข้าไปกำหนดวาระการเคลื่อนไหวและบดบังบทบาทของเลขาธิการพรรคลงอย่างเป็นรูปธรรม
ยิ่งเมื่อผลการเลือกตั้งได้รับชัยชนะ เบียดขับจำนวนของพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้ลงไปได้อีก 1 ยิ่งทำให้ราศีฉายจับไปยังเงาร่าง ”กลุ่ม 3 ช.” อย่างมิอาจปฏิเสธได้
อย่าได้แปลกใจหากจะมีการรุกไล่ไปยังตำแหน่ง ”เลขาธิการ”
ในเมื่อเคยมีบทเรียนจาก “กลุ่ม 4 กุมาร” มาแล้วอย่างแจ่มชัดทำไมการรุกไล่ “กลุ่มสามมิตร” จะไม่เกิดขึ้น
ไม่ว่าการเมือง ไม่ว่าการสงคราม ล้วนดำรงอยู่ภายใต้บรรยากาศที่ซุนวูสรุปเอาไว้ตั้งแต่หลายพันปีมาแล้ว นั่นก็คือ การศึกมิหน่ายเล่ห์ การเมืองไม่เคยหยุดการเคลื่อนไหว
ในเมื่อการเคลื่อนไหวจาก ”ภายนอก” ก็หนักอยู่แล้ว มรสุมที่มาจาก ”ภายใน” ย่อมก่อความหงุดหงิดให้อย่างกระทบตรงตัว