เกิดคำถามเกี่ยวกับมาตรฐานการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ อาทิ การสลายผู้ชุมนุมที่หมู่บ้านทะลุฟ้าข้างทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ถึง 2 ระลอกด้วยกัน ทั้งช่วงเช้าและบ่าย และออกข่าวว่าพบถุงยางอนามัยและยาเสพติด ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งระบุในเฟซบุ๊กว่า สาเหตุที่ต้องเข้าสลายการชุมนุม เนื่องจากผู้ชุมนุมได้ส่งเสียงตะโกนขับไล่นายกรัฐมนตรีอยู่เป็นประจำ รวมทั้งในวันอังคารที่ 30 มีนาคมนี้ จะมีการถ่ายรูปเป็นที่ระลึกของรัฐมนตรีใหม่ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ทำให้เกิดความกังวลว่า ผู้ชุมนุมอาจส่งเสียงรบกวนการถ่ายรูปที่ระลึกดังกล่าว จึงสั่งการให้สลายการชุมนุม
เรื่องอื่นๆ ที่ยังไม่มีการทำความกระจ่างออกมา ได้แก่ กรณี ส.ส.พรรคแกนนำรัฐบาลชกและทำร้ายร่างกายอาจารย์สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ แม้ว่ามีการเคลื่อนไหวเตรียมรับดำเนินการจากสภาผู้แทนฯ และคณะกรรมาธิการจริยธรรมของสภาผู้แทนฯ แต่สำหรับทางรัฐบาลเอง แกนนำพรรคต้นสังกัดต่างหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวถึง แทนที่จะรีบอธิบายต่อประชาชนว่าเกิดอะไรขึ้น จะสอบสวนอย่างไร และจะรับผิดชอบอย่างไร หากพบว่า ส.ส.พรรครัฐบาลเองเป็นฝ่ายผิด
อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้เกิดเสียงถามหาท่าทีและบทบาทของรัฐบาล ได้แก่ กรณีกองทัพพม่าใช้ทหารเข้าปราบปรามสังหารประชาชนที่ต่อต้านการยึดอำนาจ มีประชาชนเสียชีวิตแล้วกว่า 400 ราย รัฐบาลไทยยังนิ่งเฉย และมีข่าวเรื่องการส่งเสบียงให้ทหารพม่าและส่งตัวแทนเข้าร่วมการสวนสนามวันกองทัพพม่าด้วย ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการต่างประเทศระบุแล้วว่า การฆ่าฟันในพม่าละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง และถือเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ของทุกประเทศจะต้องต่อต้าน รัฐบาลไทยไม่สามารถใช้หลักไม่แทรกแซงกิจการภายในมากล่าวอ้างได้อีกต่อไป
รัฐบาลมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายของตนเองอย่างเคร่งครัด ต้องเคารพในสิทธิของประชาชนอย่างเคร่งครัด และต้องปฏิบัติตนเป็นผู้นำในการปฏิบัติตามหลักการที่ดีและถูกต้องของสังคม ขณะที่ต้องเคารพในหลักปฏิบัติระหว่างประเทศไปพร้อมกัน นอกจากจะต้องไม่ทำร้ายประชาชนของตนเองแล้ว ยังจะต้องไม่สนับสนุนให้รัฐบาลประเทศอื่นก่ออาชญากรรมต่อพลเมืองของตนเองไปพร้อมกัน
