‘ณัฐวุฒิ’ ประกาศเคียงข้างราษฎร ลั่น เมื่อน้องๆเห็นใจคนเสื้อแดง เราก็ทิ้งพวกเขาไม่ได้

‘ณัฐวุฒิ’ ประกาศเคียงข้างราษฎร ลั่น เมื่อน้องๆเห็นใจคนเสื้อแดง เราก็ทิ้งพวกเขาไม่ได้

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 มีนาคม ที่ UDD news(ยูดีดีนิวส์) ชั้นใต้ดิน อาคารเอเวอรี่มอลล์ แยกแคราย นนทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดงนปช. แถลงข่าวเปิดใจวันคืนสู่อิสรภาพโดยสมบูรณ์ หลังวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ครบกำหนดต้องโทษ ได้ไปรายงานตัว และเข้ารับการอบรมธรรมะครั้งสุดท้าย เพื่อถอดกำไลข้อเท้าอีเอ็ม (EM) จากกรณีถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน ในคดีการชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อปี 2550 โดยมีแกนนำนปช. อาทิ นางธิดา ถาวรเศรษฐ นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง และ นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ พร้อมคนเสื้อแดงเข้าร่วมรับฟัง

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การที่ตนได้รับการพักโทษนั้น เป็นไปตามระเบียบของกรมคุมประพฤติที่กำหนดไว้ ไม่ได้มีอภิสิทธิ์ใดๆ ซึ่งแม้ว่า ตนจะได้รับอิสรภาพมาแล้ว แต่ก็ยังคงมีอีกหลายคดีรออยู่ ทั้งคดีการชุมนุมในปี 2552 และ 2553 ซึ่งสถานะจากที่เป็นผู้ถูกจำคุกโดยศาลฏีฎา ทำให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี ไม่สามารถลงสมัครการเมืองระดับใดได้ทั้งสิ้น แม้ว่าตนจะถูกตัดสิทธิ แต่ไม่เคยลืมจุดยืนเมื่อที่ได้ประกาศพูดไว้ในวันแรกคือการต่อสู้ตามแนวทางประชาธิปไตย ตนต้องการเห็นบ้านเมืองเป็นของประชาชน อำนาจการปกครองเป็นของประชาชน คนเราต้องเท่าเทียมกัน

“ผมไม่รู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางสายนี้ และมีคดีความมากมาย ติดคุกมาแล้ว 3 ครั้ง และไม่แน่ใจจะมีอีกกี่ครั้ง ความเจ็บปวดผมรับได้ ภาระที่ต้องแบกรับไม่หวั่นไหว และขอย้ำจุดยืนคืออำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ภายใต้หลักการ คนเราเท่าเทียมกัน” นายณัฐวุฒิ กล่าว

ส่วนกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธ์ุ เตรียมออกมาเคลื่อนไหวในวันที่ 4 เมษายนนี้ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนกับนายจตุพรยังไม่ได้มีการพูดคุยหารือใดๆกัน มีเพียงแค่โทรคุยถามสารทุกข์สุกดิบกันเท่านั้น แต่เห็นว่านายจตุพร และหลายคนที่ออกมาเคลื่อนไหวก็มีศักยภาพอยู่แล้ว ขณะเดียวกันในฐานะที่เป็นอดีตแกนนำนปช.ยังไม่มีแนวคิดเคลื่อนไหวนำมวลชนคนเสื้อแดงออกมาชุมนุมใหญ่ หรือชุมนุมร่วมกับกลุ่มอื่นๆในขณะนี้ ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิสิตนักศึกษานั้น ตนเคารพพวกเขาในฐานะนักต่อสู้ พวกเขาต้องแลกมาด้วยชีวิต อิสรภาพ และต้องเผชิญกับความท้าทายที่ต้องแบกรับไว้อีกมาก ตนขอย้ำจุดยืนอยู่เคียงข้างกับนิสิต นักศึกษา ประชาชน ไม่มีเปลี่ยนแปลง พวกเราในฐานะคนเสื้อแดงที่ต่อสู้มานับ 10ปี และทุกวันนี้ก็ยังต่อสู้อยู่

Advertisement

“หากให้ผมประเมินม็อบของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ผมคงไม่อยู่ในฐานะที่จะประเมินได้ว่า การเคลื่อนไหวของนิสิตนักศึกษาประชาชนตอนนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน เพราะเมื่อพวกเขาออกมายืนบนวิถีของการต่อสู้ และได้วางอิสระภาพของตัวเองลงเป็นเดิมพัน พวกเขาก็เท่ากันกับผม ถ้าผมเป็นนักสู้ พวกเขาก็เป็นนักสู้เหมือนกัน ผมขอแสดงตัวเคียงข้างนิสิต นักศึกษาประชาชนที่กำลังต่อสู้ในปัจจุบัน พร้อมกันนี้ขอปฏิเสธข้อกล่าวหาบิดเบือนให้ร้ายป้ายสีว่า การแสดงจุดยืนเช่นนี้ หมายถึงการมุ่งร้าย ทำร้ายสถาบันฯ”

“ผมรู้ดีว่า อิสรภาพของผมเปราะบาง การพูดเรื่องราวเหล่านี้ อาจทำให้ความเปราะบางนั้นเปราะบางไปอีก แต่ผมไม่มีทางเลือกอื่น ผมคิดว่า ประเทศนี้ไม่สามารถจะพูดถึงอนาคตที่สดใสได้เลย ตราบเท่าที่อนาคตของชาติยังอยู่ในกรงขัง เราไม่สามารถจะก้าวอ้างอธิบายใดๆว่า ทุกสิ่งที่ทำ ทำเพื่อลูกหลาน ในวันที่ลูกหลานถูกขังยังหวาดกลัวความตาย และโหยหาอิสรภาพ ในความเคลื่อนไหวของพวกเขาที่มีทั้งส่วนที่ผมเห็นด้วย และสิ่งที่ผมห่วงใย แต่ในความเป็นบริสุทธิ์ของพวกเขา ผมมีความรู้สึกรัก ห่วงใย เอาใจช่วยอย่างเดียว ไม่มีความรู้สึกอื่น ผมเชื่อว่า สังคมนี้เราไม่ควรมองเห็นชีวิตของคนหนุ่มสาวเหล่านี้ เป็นชัยชนะและเป็นความสะใจ และย้อมให้เกิดขึ้นได้ เพียงเพราะอยู่ละฝ่ายความคิดกับคนบางกลุ่ม ชะตากรรมของคนหนุ่มสาวนี้ เป็นสิ่งที่คนรุ่นเราต้องรับผิดชอบ เอาเด็กออกจากห้องขังแล้วเรามาแก้ปัญหากันแบบผู้ใหญ่ ไม่ใช้เอาเขาไปขังแบบนี้”

“ผมเป็นคนเสื้อแดง เป็นมาสิบกว่าปีและตอนนี้ก็ยังเป็น ผมเชื่อว่า ทั้งชีวิตผมก็ไม่ได้รู้สึกตะคิดตะควงใจ หรือเป็นเรื่องเสียหายที่เป็นคนเสื้อแดง ผมต่อสู้ร่วมกับพี่น้องคนเสื้อแดงมา 10ปี เราเป็นคนที่ถูกยิงทิ้งเสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เราถูกจำขัง ถูกไล่ล่า ถูกเหยียบย่ำ แบบรับคำเหยียดหยามต่างๆมากมาย ถูกยิงตายกลางถนนเป็นร้อยแล้วเราก็เห็นเขาออกมาล้างถนน คดีเหล่านี้ไม่ถึงศาล ถูกเรียกเป็นควาย ถูกตราหน้าว่าเป็นขบวนการรับจ้าง ถูกกาหัวว่าเป็นพวกไร้การศึกษา 10 ปีที่ผ่านมาพวกผมต่อสู้เพื่อสิ่งนี้ แต่คนหนุ่มสาวเหล่านี้ พวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่หยิบยื่นความเข้าใจ เห็นใจ หยิบยื่นเกียรติยศให้พวกผม พวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่ตะโกนเรียกพวกผมกลางท้องถนน พวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่บอกว่า เข้าใจเราเห็นใจเรา อยากขอโทษ เพราะเมื่อก่อนเข้าใจผิด เขาคือคนกลุ่มแรกที่ทำเรื่องแบบนี้ ในนามของความเป็นมนุษย์ ผมทิ้งพวกเขาไม่ได้ ผมมีโลกใบเดียว ถ้าผมต่อต้านเผด็จการในพม่า ผมก็ต่อต้านเผด็จการในประเทศไทยด้วย ถ้าผมประณามการเค้นฆ่าประชาชนในพม่า ผมก็ต้องไม่ยอมรับการกระทำใดต่อคนหนุ่มสาวและประชาชนในไทยด้วย”

Advertisement

อ่านต่อ : ‘ณัฐวุฒิ’ คืนอิสรภาพ เล่าบทสนทนา ‘เพนกวิน’ ในคุก รับ ‘คำตอบน้องทำผมต้องคิดยาว’

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image