‘พิธา’ ประณาม ‘ประยุทธ์’ วางตัวเข้าข้างกองทัพเมียนมา เข่นฆ่า ปชช. ทั้งที่ทั่วโลกเลิกคบค้าสมาคม

‘พิธา’ ประณาม ‘ประยุทธ์’ วางตัวเข้าข้างกองทัพเมียนมา เข่นฆ่า ปชช. ทั้งที่ทั่วโลกเลิกคบค้าสมาคม

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า ตนและ ส.ส.พรรค ก.ก.รู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมา ทั้งการเข้าจับกุมโดยพลการและการใช้ความรุนแรงอย่างปราศจากสำนึกต่อผู้ชุมนุมโดยสันติ

นายพิธากล่าวว่า ขอประณามการเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ เหยื่อของความรุนแรงโดยรัฐนั้นมีทั้งผู้ชุมนุม ผู้ปฏิบัติงานฉุกเฉิน บุคลากรการแพทย์ ประชาชน และเด็กผู้บริสุทธิ์ การที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงท่าทียอมรับการรัฐประหารโดยกองทัพเมียนมาโดยเปิดเผย

นายพิธากล่าวว่า นอกจากจะเป็นการทรยศปณิธานที่จะได้มาซึ่งประชาธิปไตยของชาวเมียนมาแล้วนั้น ยังบั่นทอนสถานะของประเทศไทยในประชาคมระหว่างประเทศอีกด้วย ทำให้บทบาทนำในภูมิภาค รวมถึงความน่าเชื่อถือในระดับสากลของไทยยิ่งถดถอยอย่างมาก พรรค ก.ก. ขอประณามรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ. ประยุทธ์ที่ให้การสนับสนุนความรุนแรงและกองทัพที่เข่นฆ่าประชาชน

Advertisement

นายพิธากล่าวอีกว่า ย้อนไปถึงเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ไทยไม่เพียงเป็นชาติแรกในโลกที่เปิดประตูบ้านรับผู้แทนของคณะทหารเมียนมา แต่ พล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นผู้นำรัฐบาลคนแรกที่ยอมเดินทางไปหานายวันนะ หม่อง ลวิน ซึ่งทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของคณะรัฐประหาร ที่อากาศยานทหาร กองบิน 6 ซึ่งนอกจากผิดหลักพิธีการทูตที่ระดับรัฐมนตรีต้องเดินทางไปเยี่ยมคารวะบุคคลที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลแล้ว การที่หัวหน้ารัฐบาลยอมพบหารือกับผู้แทนระดับสูงของคณะทหารเมียนมานั้น ถือเป็นการให้การยอมรับทางการทูตอย่างสมบูรณ์

อ่านข่าว : โฆษกกต.เผยผลหารือ ‘ดอน-เร็ตโน-วันนะ หม่อง ลวิน’ ย้ำไทยหวังสถานการณ์เมียนมาคลี่คลาย
ภารกิจลับ ว.5 “บิ๊กตู่” หารือรัฐมนตรีตปท.เมียนมา

“การส่งผู้ช่วยทูตทหารเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองวันกองทัพเมียนมานั้น โดยนัยทางการทูตถือเป็นการตอกย้ำต่อประชาคมโลกว่ากองทัพไทย ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม ให้การยอมรับกองทัพพม่า ไม่สามารถเข้าใจเป็นอย่างอื่นได้นอกจากประเทศไทยยอมรับนับถือและพร้อมที่จะคบค้าสมาคมกับคณะบุคคลที่ถือปืนปล้นประชาธิปไตย เข่นฆ่า ทรมาน และกักขังพี่น้องร่วมชาติผู้เห็นต่างตามอำเภอใจนับร้อยนับพันคน

“ทำให้สถานะของไทยที่เคยเป็นประเทศชั้นนำในภูมิภาค ที่ให้ความสำคัญกับหลักการและค่านิยมสากลด้อยค่าด้อยราคาลง” นายพิธากล่าว

นอกจากนี้ การแอบส่งสเบียงให้กองกำลังทหารภายใต้การนำของพลเอกอาวุโส มิน อ่อง ลาย และการติดประกาศให้สมาชิกคณะกรรมการผู้แทนสภาแห่งสหภาพ (Committee Representing Pyidaungsu Hluttaw – CRPH) อยู่ในรายชื่อบุคคลเฝ้าระวังตามแนวชายแดนนั้น นับเป็นการทรยศต่อข้อเรียกร้องของคนเมียนมานับแสนนับล้านคนที่ขอให้คณะทหารมอบประชาธิปไตยคืนแก่ประชาชน และปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังตามอำเภอใจทั้งหมดรวมถึงนางออง ซาน ซูจี ตลอดจนทรยศต่อหลักการและพันธกรณีด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐาน ที่รัฐบาลไทยประกาศบนเวทีระหว่างประเทศว่ายึดมั่นมาตลอด

นายพิธากล่าวว่า หากเรื่องนี้เป็นที่รับทราบของประชาชนชาวเมียนมาโดยทั่วไป สวัสดิภาพของคนไทยและความปลอดภัยของธุรกิจไทยในเมียนมาอาจตกอยู่ในอันตราย ดังที่ได้มีการเผาโรงงานของบางประเทศที่มีท่าทีสนับสนุนคณะทหารเมียนมามาก่อนหน้านี้ หากเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้ขึ้นกับคนไทยและธุรกิจไทยในเมียนมา พล.อ.ประยุทธ์จะสามารถรับผิดชอบต่อชีวิตและทรัพย์สินของเขาเหล่านั้นได้หรือไม่ อย่างไร

นายพิธากล่าวว่า ตนขอแนะ พล.อ.ประยุทธ์ 3 ข้อที่ต้องเร่งทำอย่างเร็วที่สุดคือ 1.ร้องขอให้บรูไน ในฐานะประธานอาเซียน จัดการการประชุมสุดยอดอาเซียนสมัยพิเศษโดยเร็วที่สุด ตามที่ประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียได้ร้องขอ 2.ติดตามดูแลความเป็นอยู่ของคนไทยที่ยังต้องอยู่ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด และพร้อมนำออกจากประเทศเมื่อได้รับการร้องขอ

นายพิธากล่าวว่า และ 3.ประสานกับมิตรประเทศเพื่อช่วยเหลือผู้หนีภัยการสู้รบและการประหัตประหารในเมียนมาตามหลักมนุษยธรรม โดยไม่ผลักดันกลับประเทศ ในการเข้าไปช่วยเหลือผู้อพยพ ต้องเปิดให้ภาคประชาสังคมของไทยและนานาชาติเข้าตรวจสอบได้ เช่น การลงชื่อเข้าเยี่ยม ทั้งนี้ ก็เพื่อความปลอดภัยของผู้อพยพ โดยเฉพาะเด็กที่มีความเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงสูง โดยการเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการคัดกรองความเสี่ยงของโควิด และเมื่อสถานการณ์สงบลงและมีแนวโน้มดีขึ้น ผู้อพยพพร้อมกลับไปยังถิ่นฐานเดิม

“ขอให้ UNHCR และกระทรวงมหาดไทยเป็นพยานความสมัครใจ หากมีผู้ไม่สมัครใจจะกลับไปยังถิ่นฐานเดิม ควรมีการดำเนินการระหว่าง UNHCR ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยคัดกรองผู้อพยพโดยคำนึงถึงความเสี่ยงต่อการประหัตประหารหากถูกส่งตัวกลับ

“ในขณะที่ประชาคมโลกต่างประณามการกระทำอันโหดเหี้ยมป่าเถื่อนของคณะทหารเมียนมา สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปมีมาตรการคว่ำบาตรต่อคณะทหารเมียนมา ผู้บัญชาการทหารจาก 12 ประเทศออกแถลงการณ์ประณามการใช้ความรุนแรงถึงชีวิตกับประชาชนมือเปล่า หรือแม้แต่รัฐมนตรีต่างประเทศประเทศสมาชิกอาเซียนบางประเทศก็ไม่ให้การยอมรับนายวันนะ หม่อง ลวิน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ด้วยซ้ำ นโยบายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ต่อเรื่องการรัฐประหารในเมียนมาจึงถือเป็นความล้มเหลวทางการทูตและนโยบายด้านการต่างประเทศของไทยโดยสิ้นเชิง” นายพิธากล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image