‘ขรรค์ชัย-สุจิตต์’ แนะเลิกคิด ‘ความเป็นไทยไม่เหมือนใครในโลก’ เปิดหลักฐานอยุธยาศูนย์รวมชาติพันธุ์

‘ขรรค์ชัย-สุจิตต์’ แนะเลิกคิด ‘ความเป็นไทยไม่เหมือนใครในโลก’ เปิดหลักฐานอยุธยาศูนย์รวมชาติพันธุ์

เมื่อวันที่ 5 เมษายน ที่มัสยิดกุฎีช่อฟ้า ตำบลคลองตะเคียน อำเภอพระนครศรีอยุธยา ‘มติชนทีวี’ บันทึกเทปรายการ ขรรค์ชัย-สุจิตต์ ทอดน่องท่องเที่ยว ตอน ชาติพันธุ์ ล้วนบรรพชนไทย เชื้อชาติไทยไม่มีจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และนายสุจิตต์ วงษ์เทศ คอลัมนิสต์ในเครือ ร่วมกันนำเสนอข้อมูล หลักฐาน และภาพถ่ายเก่าที่แสดงถึงความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในดินแดนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

นายสุจิตต์กล่าวว่า พื้นที่บริเวณมัสยิดกุฎีช่อฟ้า กล่าวกันว่าเป็นที่ตั้งของมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดในอยุธยา เดิมชื่อว่า ‘จามมัสยิด’ โดยมีการเปลี่ยนชื่ออย่างน้อย 3 ครั้ง จนมาใช้ชื่อมัสยิดกุฎีช่อฟ้า ตั้งอยู่ริมคลองตะเคียนซึ่งจะไหลไปลงแม่น้ำเจ้าพระยาทางทิศใต้ บริเวณเกาะเรียน ถือเป็นคลองที่มีประวัติศาสตร์ของตัวเองมากมาย

Advertisement

นายสุจิตต์กล่าวว่า สาเหตุที่ตนและนายขรรค์ชัยเลือกมาถ่ายทำบริเวณนี้ เพราะเนื้อหาหลักเกี่ยวข้องกับชาติพันธุ์ ซึ่งกรุงศรีอยุธยาถือเป็นศูนย์รวมชาติพันธุ์อย่างมหึมา

“ลาลูแบร์ ทูตฝรั่งเศส บันทึกไว้ว่ามี 42 ชาติพันธุ์ที่เข้าเฝ้าะพระเจ้าแผ่นดิน เพราะฉะนั้นจริงๆ ต้องมีมากกว่านั้น แต่ประวัติศาสตร์ไทยมักพูดเหมือนมีแต่คนไทย สมัยนั้นไม่มีใครเป็นคนกลุ่มใหญ่ เพราะมีพอๆ กัน เมื่อไม่มีกลุ่มใหญ่ ก็ไม่มีคนกลุ่มน้อย คนที่อำนาจมากกว่า คือมีเงินซื้อปืน ซื้ออาวุธ เพราะฉะนั้น อย่าหลงตัวเอง อย่าสำคัญตนผิดว่าความเป็นไทยไม่เหมือนใครในโลก

Advertisement


“เมื่อถอดความเป็นไทย ก็เหลือความเป็นคนซึ่งต้องมาก่อน แนวคิดเรื่องเชื้อชาติเพิ่งมีในยุโรปเมื่อ 200 กว่าปีมานี้เอง แล้วแผ่มารัตนโกสินทร์ ไทยเพิ่งรับมาในช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 5 สมัยสุโขทัย อยุธยา ไม่มีเชื้อชาติไทย

“เราหลงทางในประวัติศาสตร์นานมาก เอาวิธีคิดคลั่งชาติมาใช้ นอกจากดูถูกชาติพันธุ์อื่นแล้วยังรังแกด้วย” นายสุจิตต์กล่าว

จากนั้น นายขรรค์ชัย และนายสุจิตต์ กล่าวถึงประสบการณ์ส่วนตัวในอดีต โดยระบุว่า ช่วง พ.ศ.2497 ซึ่งนายสุจิตต์เพิ่งเข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ ถ้าใครพูดภาษาถิ่น โดยเฉพาะอีสานจะโดนดูถูก เมื่อครั้งเขียนหนังสือ ‘เจ๊กปนลาว’ ถูกตำหนิอย่างมาก ปัญหาเกิดจากความคลั่งชาติ ดังนั้น ควรเขียนประวัติศาสตร์กันใหม่ ประเด็นเรื่องเชื้อชาติ บางประเทศยกออกจากรัฐธรรมนูญไปแล้ว เพราะเป็นต้นเหตุของการเข่นฆ่ากัน บรรพชนไทย ผสมผสานหลากหลาย ไม่มีไทยแท้

“ถามว่าบรรพชนไทยเป็นใครบ้าง ตอบกว้างๆ คืออย่างน้อย 3 กลุ่ม คือ 1.พวกที่มาจากโซเมีย ทางภาคใต้ของจีน กระจายลงมาข้างล่าง 2.พวกร้อยพ่อพันแม่ในอุษาคเนย์ 3.พวกนานาชาติ มาจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย ลังกา อิหร่าน ยุโรป ต่อมามีอเมริกาด้วย เป็นต้น ขนาดสุนทรภู่ ต้นตระกูลยังมาจากอินเดียใต้คือพราหมณ์รามราช ท่านเขียนบอกไว้เอง


“ประเด็นสำคัญตอนนี้คือกะเหรี่ยงโดนดูถูก ทั้งที่เขาอยู่กับบรรพชนไทยมาตั้งแต่ 2,000 ปีที่แล้วตั้งแต่ที่โซเมีย กะเหรี่ยงคือคนผลิตมโหระทึก เมื่อ พ.ศ.2500 ยังผลิตอยู่ เทคโนโลยีสืบเนื่องกันมา การโล้ชิงช้าในไทย ก็มาจากกะเหรี่ยง อีก้อ เพื่อขอลม ให้แดดออก พืชพันธุ์จะได้สุกไว พราหมณ์อินเดียไม่มีโล้ชิงช้า แต่ถูกนำมาผนวกภายหลัง พราหมณ์ในเขมรก็ไม่มีโล้ชิงช้า

“กะเหรี่ยงชอบอยู่บนเขา ถนัดทำไร่หมุนเวียน ไม่ใช่ไร่เลื่อนลอย คนเข้าใจผิด กะเหรี่ยงอยู่ที่ไหน ต้นไม้ใหญ่ไม่เคยถูกตัด แต่ไปโยนบาปให้เขา เป็นทัศนคติที่มาจากการศึกษาที่ชักนำไป เรื่องแบบนี้เห็นมาตั้งแต่ พ.ศ.2507 ตอนไปสำรวจแหล่งโบราณคดี เจอเขาหัวโล้นที่ไหน เจอโรงเลื่อยแถวนั้น อย่าใส่ร้ายกะเหรี่ยง เรื่องแบบนี้พูดหนเดียวไม่พอ เพราะถูกกรอกหูมา 100 ปี” นายสุจิตต์กล่าว

ทั้งนี้ รายการตอนดังกล่าวจะเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กมติชนออนไลน์ ข่าวสด ศิลปวัฒนธรรม และยูทูบมติชนทีวี ในวันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน เวลา 20.00 น.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image