‘อ.ประจักษ์’ ชำแหละวงจรอุบาทว์ไทย ทำรัฐประหาร-ชุบตัวครองอำนาจ อัด ‘ระบอบประยุทธ์’ วางเครือข่ายทหาร-กลุ่มทุน สูบผลประโยชน์ประเทศ ตั้งชื่อใหม่ ‘ขุนศึก-ศักดินา-พ่อค้า’
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 6 เมษายน ที่ห้อง LT1 ชั้น 1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กลุ่ม Re-Solution จัดกิจกรรมเปิดตัวแคมเปญใหม่ 6 เมษา! เริ่มนับหนึ่ง #ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์ โดยเป็นการผนึกกำลังสร้างแรงกระเพื่อมให้การเมืองไทย เดินหน้ารวบรวมรายชื่อประชาชนทั่วประเทศ เพื่อเข้าชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา โดยมีนายประจักษ์ ก้องกีรติ รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มธ.พูดถึง “ระบอบประยุทธ์ : ทหาร ทุน วงจรอุบาทว์การเมืองไทย”
นายประจักษ์ กล่าวว่า ระบอบประยุทธ์ มีลักษณะด้านหนึ่งเป็นระบบที่ให้อำนาจกับทหาร ให้ทหารเข้ามาแทรกแซงการเมือง และกิจการที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดซื้อแผงโซล่าเซลล์ อีกด้านคือการใช้อำนาจรัฐเพื่อเอื้อกลุ่มทุนเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์อย่างเป็นทางการ คำว่า ระบอบ หมายถึงสิ่งที่ใหญ่กว่า ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ระบอบประยุทธ์ จึง ไม่เท่ากับตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังนั้น เป้าหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยจึงไม่ใช่การไล่ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะระบอบประยุทธ์ หมายถึง เครือข่ายผลประโยชน์ที่แวดล้อม พล.อ.ประยุทธ์ ไล่ประยุทธ์ อย่างเดียวไม่จบ เพราะจะมี ‘พล.อ.’ อื่นเข้ามาแทน
การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ทำให้ ประเทศไทย กลายเป็นรัฐทหารสุดท้ายของโลก และเป็นประเทศเดียวที่ทำรัฐประหาร 2 ครั้ง ในรอบ 10 ปี ทั้งที่งานวิจัยระบุชัดเจนว่า ไม่มีประเทศไหนทำการรัฐประหารแล้วจะเจริญ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังจะอยู่ในอำนาจนานจนจะแทรง จอมพล ป. พิบูลสงคราม จอมพลถนอม กิตติขจร และ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ หากอยู่ครบเทอมนี้ และเลือกตั้งใหม่ ส.ว. 250 คน จะมีสิทธิโหวตเลือกนายกฯ อีกครั้ง อาจจะทำให้อยู่ในอำนาจนานที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เราจึงต้องทำให้ การรัฐประหารเป็นความผิดที่ไม่มีอายุความ สามารถนำผู้ก่อการมาลงโทษพิพากษาได้
นายประจักษ์กล่าวว่า คณะรัฐประหารทุกชุด มักจะต้องหาเหตุผลที่ดูสูงส่ง ทั้งการรักชาติ ปกป้องสถาบัน และรักษาความสงบ เป็นข้ออ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการยึดอำนาจ เครือข่ายแม่น้ำ 5 สาย ที่มาจากเครือข่าย คสช. หนึ่งในนั้นคือ ส.ว.ถูกเรียกว่าสภาปรสิต เพราะหาประโยชน์ไม่ได้ มีการกันตำแหน่งไว้ให้ตำแหน่งให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพ 6 ตำแหน่ง ระบอบประยุทธ์ มีการบิดเบือนระบอบประชาธิปไตยเพื่อรับใช้ระบอบเผด็จการ เช่น การทำประชามติ ร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารราชการ และรัฐธรรมนูญ 2560 มีความฉลาดกว่าจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เพราะยอมให้มีการเลือกตั้ง การบิดเบือนกลไกเหล่านี้เป็นไปเพื่อสืบทอดอำนาจของทหาร เช่น การอ้างว่ารัฐธรรมนูญนี้ผ่านการทำประชามติมาแล้ว แต่ไม่มีประเทศไหนในโลกที่จับคนรณรงค์ประชามติไปขังคุก และรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นไปเพื่อค้ำจุนระบอบประยุทธ์ เพื่อทำลายพรรคการเมืองให้อ่อนแอ และลดทอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน
นายประจักษ์กล่าวว่า โครงการที่สำคัญคือ นโยบายประชารัฐ ที่เรียกว่าทุนนิยมแบบช่วงชั้น ทั้งแจกเงิน และแจกขัน รวมถึงการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่ให้เข้ามาคุมอำนาจทางเศรษฐกิจ ทำให้เสียสมดุลทางเศรษฐกิจ เปิดให้กลุ่มทุนในเครือข่ายเข้าถึงทรัพยากร และข้อมูลของรัฐ ทั้งยังมีตำแหน่งในคณะกรรมการยุทธ์ศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยเรายังพบในกลุ่มทุนเหล่านี้ในมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ที่มีนอมินีเป็นถึงตำแหน่งรัฐมนตรี
ระบอบประยุทธ์ ได้ชะลอการกระจายอำนาจ เกิดรัฐราชการขยายตัว แต่ก็ทำให้ระบอบราชการอ่อนแอลงด้วย เพราะให้ทหารใช้อำนาจแบบสมบูรณาการ ที่มีการออกคำสั่ง คสช.จำนวนมาก ไปย้ายข้าราชการแบบไม่มีการสอบสวน และไม่เป็นธรรม ตรงข้ามกลับสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ย้ายข้าราชการแค่คนเดียวก็หลุดจากตำแหน่ง
“ระบอบประยุทธ์เป็นรัฐที่ใช้ความรุนแรง และกฎหมายเพื่อกำจัดคนเห็นต่าง ทำให้ความเป็นประชาธิปไตยลดลง เป็นระบอบ ขุนศึก-ศักดินา-พ่อค้า วันนี้คือจุดนับหนึ่งเพื่อรื้อถอนเงื่อนไขของระบอบคณาธิปไตย ที่ไม่ยึดโยงกับประชาชนให้ออกจากอำนาจไป” นายประจักษ์กล่าว
