บทนำ : น้ำใจจากคนไทย

พลโทอภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 ซึ่งรับผิดชอบความมั่นคงตามแนวชายแดนไทยพม่า เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ ว่ามีปัญหาผู้ลี้ภัยข้ามจากฝั่งเมียนมามาฝั่งไทย โดยเข้ามาในช่วงแรก ที่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีจำนวนมากกว่า 2-3 พันคน เมื่อเห็นว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง ก็จะเดินข้ามกลับไปฝั่งโน้นบ้าง และพอตกเวลากลางคืน เมื่อไม่มั่นใจในความปลอดภัย ก็จะเดินทางกลับข้ามมายังฝั่งไทย ทำให้มีผู้อพยพลี้ภัยข้ามกลับไปกลับมา โดยช่วงนี้มีผู้ที่อยู่ยังฝั่งไทยประมาณ 100 กว่าคน แต่ในช่วงกลางคืนจะกลับมาอยู่ประมาณ 1,000 กว่าคน ยอดต่ำสุดประมาณ 100 กว่าคน แต่กลางคืนก็จะกลับมาพันกว่าคน

แม่ทัพภาคที่ 3 ยังเผยว่าส่วนเรื่องสิ่งของบริจาค เนื่องจากมีความไม่ปลอดภัยตามแนวชายแดน ต้องมีการเดินทางจากแม่สามแลบโดยทางเรือ เป็นที่ทราบดีว่ามีการขัดแย้งระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ทางทหารไทยจึงไม่ปล่อยให้เรือวิ่งได้อย่างเสรี ช่วงแรกเราจะดูว่าเขาดำรงชีพไปได้ไหม 2-3 วัน ประกอบกับมีคนขอบริจาคสิ่งของช่วยเหลือด้วย ขณะนี้เราเริ่มทยอยนำสิ่งของไปบริจาคให้กับผู้ลี้ภัย แต่ไม่ได้อนุญาตให้ผู้บริจาคไปเอง ทางทหารขนไปส่งยังฝั่งเมียนมาโดยมีเรือทหารพราน 36 คุ้มกันเรือ เพื่อความปลอดภัย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง ที่ไม่อนุญาตให้ผู้บริจาคไปเอง เนื่องจากกลัวติดโรคระบาด แต่สำหรับผู้ลี้ภัยที่ข้ามมา ก็จะอาศัยอยู่โซนเดิมๆ ถ้าเกิดสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ก็สามารถควบคุมได้

การที่ฝ่ายทหารรับภาระลำเลียงสิ่งของบริจาคไปให้ผู้อพยพหนีภัยความรุนแรงในพม่าเป็นการทำหน้าที่ทางมนุษยธรรมที่เหมาะสมและน่าชื่นชม และน่าจะมีผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยด้วย การสู้รบในครั้งนี้ เป็นการต่อสู้ระหว่างเผด็จการกับผู้รักประชาธิปไตยในพม่า คนไทยกับชาวเมียนมา ไม่ว่าจะเชื้อชาติพันธุ์ใด มีความสัมพันธ์และผูกพันกัน เดินทางไปมาหาสู่พึ่งพากันตลอดเวลา เมื่อชาวเมียนมาเกิดความลำบากเดือดร้อน จึงช่วยเหลือไปตามกำลัง ทางราชการควรอำนวยความสะดวก และยังเป็นการยืนยันถึงความเป็นเพื่อนบ้านที่มีน้ำจิตน้ำใจและมีมนุษยธรรมไปพร้อมกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image