ผลสะเทือน ขันแดง แรงฤทธิ์ ปฏิกิริยา ขันน้ำเงิน เขินอาย
เหตุปัจจัยอะไรทำให้การแจก ‘ขันน้ำเงิน’ ของพรรคพลังประชารัฐกลายเป็น ‘ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์’ ขึ้นมาอย่างฉับพลันทันใดและ โดยอัตโนมัติ
1 เพราะว่าภายใน ‘ขันน้ำเงิน’ นั้นปรากฏชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้ามา
ในเมื่อเป็นการแจกโดยพรรคพลังประชารัฐก็แทบมิได้เป็นเรื่อง แปลกอย่างประหลาดที่จะมีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค
กระนั้น 1 ในความเป็นเรื่องไม่แปลกก็นำไปสู่การเปรียบเทียบขึ้นมาโดยมิได้นัดหมายเพราะในห้วงแห่งสงกรานต์เมื่อปี 2559 ก็มีการแจก ‘ขันแดง’ โดยพรรคเพื่อไทย
และภายใน ‘ขันแดง’ ที่พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าของนั้นก็มีชื่อของ นายทักษิณ ชินวัตร ติดอยู่ด้วย และได้ก่อให้เกิด ‘ปฏิกิริยา’ จากรัฐ บาลในขณะนั้นอย่างดุเดือดเข้มข้น
ไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะมาจาก พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ซึ่งอยู่ในสถานะอันเป็น ‘โฆษก’
จากเทศกาลสงกรานต์เมื่อปี 2559 มายังเทศกาลสงกรานต์ในปี 2564 เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกก็มีการแจกขันในลักษณะเดียวกัน เพียงแต่มิใช่ ‘ขันแดง’ หากเป็น ‘ขันน้ำเงิน’
ยังไม่ปรากฏ ‘ปฏิกิริยา’ หรือท่าทีใดๆจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา รวมทั้ง พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด
แต่ที่แน่ๆ ได้มีความเห็นตามมามากมาย ไม่ว่าจะจาก นายสมชัย ศรีสุทธิยางกูร ซึ่งมองจากมุมของคนซึ่งเป็น ‘อดีต’ กกต. ไม่ว่าจะจาก นายศรีสุวรรณ จรรยา ซึ่งพร้อมที่จะ ‘ร้อง’ ต่อกกต.
หากมองจากความสัมพันธ์ระหว่าง ‘ขันแดง’ กับ ‘ขันน้ำเงิน’ ก็จะสัมผัสได้ถึงการเลื่อนไหลและถ่ายเทคนจากพรรคเพื่อไทยไปยัง พรรคพลังประชารัฐได้อย่างเป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะภายใน ‘กลุ่ม 4 ช.’ ที่แวดล้อมอยู่โดยรอบ ‘ลุงป้อม’
ไม่ว่าจะเป็น นายสันติ พร้อมพัฒน์ ไม่ว่าจะเป็น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่ว่าจะเป็น นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ ล้วนเป็นเพื่อไทยเก่า
ไม่มีใครรู้ว่า ข้อสังเกตไม่ว่าจะมาจาก นายสมชัย ศรีสุทธิยางกูร ไม่ว่าจะมาจาก นายศรีสุวรรณ จรรยา ที่จะร้องเรียนไปยัง ‘กกต.’ จะมีผลซึ่งเป็นคำตอบสุดท้ายอย่างไร
เมื่อเห็นความเงียบจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลายคนก็มองเห็นผลในที่สุดว่าไม่น่าจะแตกต่างไปจากกรณี ‘นาฬิกา’
