09.00 INDEX ความนัย อะไรจะเกิด ให้มันเกิด จากปาก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เบื้องหลังบทรำพึงจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ว่า “อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด” เนื่องแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโค วิด-19 รอบที่ 3 คืออะไร
คือ การยอมรับ ขณะเดียวกัน สภาวะแห่งการยอมรับนั้นก็ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะโทษใครได้
ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล “อื่น” ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคน “อื่น”
เพราะนับแต่การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ระลอกแรกไม่เพียงแต่เกิดขึ้นในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น หากแต่นับจากเดือนเมษายน 2563 เป็นต้นมา
ก็มีการประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอำนาจทุกอย่างไม่ว่าในเรื่องของโรคระบาด ไม่ว่าในเรื่องของความมั่นคงขึ้นตรงกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จากเดือนเมษายน 2563 มายังเดือนเมษายน 2564 อำนาจโดยเบ็ดเสร็จเป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เต็ม-เต็ม
หากศึกษาจากการแพร่ระบาดใหญ่จากระลอก 1 มายังระลอก 3 เกิดขึ้นได้อย่างไรและใครเป็น “ตัวการ”
การแพร่ระบาดระลอกที่ 1 ซึ่งถือว่าเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ย่อมเป็นการแพร่ระบาดจากสนามมวยลุมพินีประสานกับจากสถานบันเทิงในซอยทองหล่อ
สนามมวยลุมพินีอยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพบก สถานบันเทิงเปิดอย่างไร้ความรับผิดชอบอยู่ในความรับผิดชอบตำรวจ
มาถึงการแพร่ระบาดระลอกที่ 2 ใหญ่สุดก็คือตลาดกลางกุ้งแห่งจังหวัดสมุทรสาครโดยมีแรงงานพม่าเป็นตัวกระจาย ประสานเข้ากับบ่อนการพนันในภาคตะวันออก
แรงงานพม่าทั้งถูกกฎหมายและนอกกฎหมายเดินทางจากพม่ามายังตลาดกลางกุ้งได้อย่างไร การเกิดขึ้นของบ่อนระยอง ชลบุรี จันทบุรี ตราด ดำเนินการภายใต้ความรับผิดชอบใคร
ยิ่งมาถึงการแพร่ระบาดระลอก 3 ยิ่งน่าอัปยศอดสู
เพราะมีรัฐมนตรี “คนดัง” ติดโควิดเนื่องจากไปเที่ยวในสถานบันเทิงหรูแห่งย่านทองหล่อ ทั้งๆที่อ้างว่าฉีดวัคซีนมาแล้ว
แม้ว่าสถานการณ์ฉุกเฉินจะสามารถจับกุม “ผู้ชุมนุม” ได้จำนวนนับร้อยจากปี 2563 มายังปี 2564 แต่ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดได้อย่างเป็นจริง
เวลาจากเดือนเมษายน 2563 มายังเดือนเมษายน 2564 จึงยืนยันประสิทธิภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อย่างเด่นชัด