‘กุ๊ก รามคำแหง’ ลั่นม็อบยังไม่มีโควิด แต่ ครม.ติดแล้ว ท้าตอบ ‘เที่ยวผู้หญิงจริงไหม?’ แซะพอพวกเดียวกันเสียงเอื่อย
เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย จัดกิจกรรม “เรียกร้องความยุติธรรมให้เพื่อนเรา” โดยมีตัวแทนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ร่วมปราศรัย สลับกับการบรรเลงดนตรี โดย นายอาเล็ก โชคร่มพฤกษ์ ศิลปินนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ทั้งนี้ เครือข่ายรามคำแหงฯ ระบุว่า จะมีเซอร์ไพรส์อีกด้วย
เวลา 19.10 น. นายนันทพงศ์ ปานมาศ หรือ กุ๊ก เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ได้ข่าวว่า 20.30 น. จะมีการย้ายแอมมี่ มาเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ตามคำสั่งศาล
เรายืนยัน 3 ข้อเรียกร้องเหมือนเดิม ตั้งแต่ประยุทธ์ขึ้นมาบริหาร ผมพูดคำหยาบเยอะมาก ไม่รู้จะเอาคำไหนมาด่า ตอนเย็นตำรวจมาอ่านประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.โรคติดต่อ แต่รัฐมนตรีไปเที่ยวผับ บาร์ ทำไมไม่ไปจับ ประเทศไทยถึงขนาดนี้แล้ว ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ยังไม่ได้แจ้งไทม์ไลน์ของตัวเอง โทษแต่ลูกน้องหน้าห้อง ซึ่งจะกล้าซักทอดหรือว่าไปไหนมา ประวิตร ยังมีหน้ามาชื่นชม ถ้าจริงใจต้องบอกว่าไปเที่ยวผู้หญิงจริงหรือไม่ เพราะคลับเหล่านั้น ถ้าไม่ใช่ผู้ใหญ่ คงไม่มีทางไปนั่งได้
โควิดรอบที่ 1-2 ก็มาจากรัฐบาล รอบนี้คนรวยติดโควิด แต่คนที่ซวยคือคนจน ดังนั้น เพื่อนเราในเรือนจำจะต้องไม่ติดคุกฟรี เราต้องสู้ต่อไป และจะไม่ยอมลดเพดานเด็ดขาด วันนี่คนไทยตาสว่าง ประยุทธ์จะต้องออกไป 2.เราต้องมีรัฐธรรมนูญใหม่ให้เร็วที่สุด 3.ปฏิรูปสถาบัน และยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 คือ 3 ข้อเรียกร้องที่ยืนยันมาตั้งแต่ต้น
อยากบอกเจ้าหน้าที่ว่า การปฏฺิรูปไม่ใช่การล้มล้าง แต่คือการพูดอย่างจริงใจ เราไม่เคยหากินกับสถาบัน แต่วันนี้รัฐบาลประยุทธ์ยัดข้อหา ม.112 ให้ผู้ที่เห็นต่าง จึงต้องมีการปฏิรูปอย่างแท้จริง” นายนันทพงศ์กล่าว
นายนันทพงศ์กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ หมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ ไม่เคยเห็นรัฐบาลไหน ที่มีนิสิต นักศึกษาออกมาชุมนุมมากขนาดนี้ ได้รับการยืนยันจากคนเดือนตุลา ว่าสมัยเขาต่อสู้ ไม่ได้มีนักศึกษาออกมาไล่รัฐบาลขนาดนี้ แต่รัฐบาลประยุทธ์ หน้าทน ยังอยู่ต่อ จนมังคุดกิโลละ 2 บาท
มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่เราต้องมีรัฐธรรมนูญใหม่ให้เร็วที่สุด ถ้าเรามีกฎหมายที่เป็นประชาธิไตย คนอย่างไพบูลย์ ไม่มีทางได้เป็น ส.ส. และจะไม่มีงูเห่าศรีนวล”
นายนันทพงศ์กล่าวว่า ถึงเวลาแล้ว ที่ไทยเดินมาสู่ยุคที่ไทยต้องเคลื่อนไปข้างหน้าต่าง เพราะเราไม่ได้อยู่ในยุคสุโขทัย อยุธยา กรุงธนบุรี ถึงเวลาเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน อย่างที่คนเท่ากับคน และคนต้องเท่าเทียม
“วันที่เราเดินมาถึงขั้นนี้ เพนกวินต้องไม่อดข้าว ต้องไม่ทรมานฟรี โตโต้ต้องได้รับความยุติธรรม พี่อานทท์จะต้องได้ออกมาร่วมสู้กับพวกเรา พี่สมยศ และหมอลำแบงค์ ต้องได้รับอิสรภาพ มาประกาศชัยกับเรา รุ้ง ฟ้า จะต้องไม่อดข้าวฟรี และทุกๆ คนที่โดนคนดี เพื่อนเราจะต้องได้รับการปล่อยตัวออกมา
มีเพื่อนอีกคน เดินจากโคราช เหมือนเดินมาติดคุก แต่ไม่เคยแสดงความอ่อนล้าให้เห็น วันที่กลับมา แทนที่ไผ่จะพักผ่อน แต่โทรหาเพื่อจะจัดกิจกรรม จะสู้ต่อ คือลูกผู้ชายตัวจริง วันนี้ยังอยู่ในเรือนจำ อยากให้ไผ่ออกมาร่วมสู้กับเรา แล้วเราจะได้ประชาธิปไตยไปด้วยกัน
ส่วน แอมมี่ เคยติดคุกเมื่อ 13 ตุลาคม พร้อมผม ปลายปีที่แล้ว ที่น้ำท่วมนครศรีธรรมราช มีบ้านพังซึ่งอยู่กัน 6 ชีวิต มีผู้ป้วยอัมพฤต รวม 6 ชีวิต แอมมี่รู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่าง จึงบริจาคเงินส่วนตัว ระดมจากพรรคพวก จนวันนี้สร้างเสร็จแล้ว ด้วยน้ำใจของพี่แอมมี่ ยังมีอีก 2-3 หลังที่ช่วยซ่อมบ้านจนเสร็จ คือน้ำใจของฝั่งเราที่ร่วมสู้ อยากเล่ามุมมองให้ทุกตนรับรู้ ว่านี่คือเพื่อนเรา เราจึงท้อไม่ได้ ต้องสู้ เพราะเพื่อนเราอยู่ในเรือนจำ” นายนันทพงศ์กล่าว
ต่อมา นายกฤษณะ ไก่แก้ว หรือ ฟรอยด์ เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ม็อบยังไม่มีโควิด แต่ ครม.มีโควิดแล้ว
“เวลาประชาชนติด ประยุทธ์ด่าว่าไม่สำนึก ไม่รักชาติ แล้วศักดิ์สยาม ชิดชอบ กับไก่อู รักชาติหรือ พอพวกเดียวกันเสียงเอื่อย ‘อะไรจะเกิดก็ให้เกิด’ ในเมื่อโควิดระบาดมาถึงรอบสามแล้ว ครั้งแรกเรียกพลาด ครั้งที่สองเรียกโง่ครั้งที่สามเรียกโง่บัดซบ”
จากนั้น นายกฤษณะกล่าวปราศรัยถึงประเด็นวัคซีน ความว่า ที่ต่างประเทศแจกจ่ายให้กับประชาชนเกินร้อยละ 10 แต่ประเทศไทยในเวลานี้อัตราการแจกจ่ายวัคซีนให้ประชาชน อยู่ที่ร้อยละ 0.1 เท่านั้น
