จาก สวนสันติพร อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย จังหวะ REDEM
นัยยะแห่งการเคลื่อนไหวของ “ภาคีศาลายาเพื่อประชาธิปไตย” ในวันเสาร์ที่ 10 เมษายน ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมีความลึกซึ้ง
เพียงชื่อ “จากอักษะถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย” ก็เร้าใจอย่างยิ่ง
ความหมายมิได้อยู่ที่การฟื้นรำลึกไปยังการชุมนุมบนถนนอักษะเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ก่อนการรัฐประหารเท่านั้น
หากแต่เมื่อโยง “อักษะ” เข้ากับ “อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย”
นั่นหมายถึงการผูกความสัมพันธ์อันแนบแน่นอยู่กับเหตุการณ์เสียงปืนแตกเมื่อคืนวันที่ 10 เมษายน 2553
อันเป็นที่มาแห่งวลีที่ว่า “กระสุน” ซึ่งมีแหล่งที่มา “ลึกล้ำ”
เมื่อนำไปวางเรียงอยู่เคียงข้างกับหลายประโยคอันเป็นคำอธิบาย “จากอักษะถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย” ก็จะมองเห็นความพยายาม
เป็นความพยายามในการกวักมือ “เรียก” หา
ต้องยอมรับว่า การนัดหมายชุมนุมของ “ภาคีศาลายาเพื่อประชาธิปไตย” เชื่อมประสานไปกับการเคลื่อนไหวหลายความเคลื่อนไหว
1 คือการเคลื่อนไหวที่ “สวนสันติพร”
ซึ่งเริ่มชุมนุมในวันที่ 4 เมษายน และตามมาด้วยวันที่ 5 เมษายน และประกาศจะชุมนุมทุกวันจนกว่าจะถึงเดือนพฤษภาคม
เป็นการชุมนุมที่มี นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นผู้นำ
ขณะเดียวกัน 1 คือการกำหนดจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ณ อนุสรณ์สถานวีรชนตุลาคม 2516
หากว่าการชุมนุมของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ยังคงอยู่
นั่นหมายความว่า ในวันที่ 10 เมษายน จะมีการชุมนุม 3 จุดซึ่งมีความสัมพันธ์เชื่อมร้อยกัน นั่นก็คือ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่อนุสรณ์สถานตุลาคม 2516 และสวนสันติพร
นั่นคือ บรรยากาศและสถานการณ์บนถนนราชดำเนิน
เมื่อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประกาศยุติการชุมนุม “ชั่วคราว” โดยอิงอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ระลอกที่ 3
ทำให้ปัจจัยเสี่ยงที่ “สวนสันติพร” ลดไป
กระนั้น กำหนดการของกลุ่ม นางธิดา ถาวรเศรษฐ นพ.เหวง โตจิราการ ที่จะทำบุญ ณ อนุสรณ์สถานวีรชน 14 ตุลาคม 2516 ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
งานนี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ น่าจะไปร่วม
ในเมื่องานของกลุ่ม นางธิดา ถาวรเศรษฐ จำกัดเวลาสิ้นสุดอยู่ที่ 15.00 น. จึงเท่ากับตัดวงจรออกต่างหากไปจากเวลาของ “ภาคีศาลายา” โดยปริยาย
นี่สะท้อนให้เห็นถึงความระมัดระวัง
ไม่ว่าจะเป็นความระมัดระวังจากกลุ่มของ นางธิดา ถาวรเศรษฐ และ นพ.เหวง โตจิราการ รวมถึงการชิ่งออกไปของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่สวนสันติพร
สปอตไลต์จึงฉายจับไปยัง “อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย”
มีข้อสังเกตว่า การเคลื่อนไหวซึ่งมีรากฐานสัมพันธ์กับ “เยาวชนปลดแอก” และ “ราษฎร” ยังดำรงคงอยู่อย่างต่อเนื่อง
ไม่เพียงแต่ “พลเมืองโต้กลับ” จะยืนหน้าศาลฎีกาทุกเย็น
ไม่เพียงแต่ “ภาคีศาลายาเพื่อประชาธิปไตย” จะโยงสายยาวระหว่าง“จากถนนอักษะมายังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย” เท่านั้น
หาก REDEM ก็เริ่มสอบถามเพื่อการ “ประเด็น” และกำหนดวันหลัง “สงกรานต์”
