เรียงคนมาเป็นข่าว/ภาพข่าวสังคม
⦁…รัฐบาลยอมถอยหลายก้าว หลังจากโดนกดดันหนัก ทั้งจากภาคเอกชน และสถานการณ์การระบาดเอง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกบิ๊กๆ สธ.และตัวแทน รพ.เอกชน เข้าทำเนียบด่วน เมื่อวันศุกร์ที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนสรุปว่า “ไฟเขียว” ให้ “ภาคเอกชน” คือ รพ.เอกชน สั่ง “วัคซีนทางเลือก” เข้าประเทศได้และให้ช่วยจัดฉีดวัคซีน โดยทางกระทรวงสาธารณสุขจะอำนวยความสะดวกในขั้นตอนการนำเข้าให้ น่าจะเป็นทางออกที่ดี และเป็นการตัดสินใจที่ดี มีอย่างที่ไหนกัน โควิดอาละวาด “3 ระลอก” เข้าไปแล้ว วัคซีนยัง “มะงุมมะงาหรา” อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
⦁…ก็ต้องรอดูว่า “วัคซีนทางเลือก” ซึ่งถ้า “ไฟเขียว” แบบนี้จริง รพ.เอกชนน่าจะนำเข้ามาหลายแบรนด์ด้วยกัน โดยเฉพาะที่ “ยอดนิยม” ล้วนดังๆ ไม่ว่าจะเป็น จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน, โมเดอร์นา, ไฟเซอร์ ฯลฯ ปัญหาคือ พอถึงตอนฉีด คนไทยรายย่อยจะต้อง “ควักกระเป๋า” จ่ายกันยังไง ส่วนกลุ่มธุรกิจที่มี “โรงงานใหญ่ คนเยอะ” คงไม่มีปัญหา อาจจะต้องเคลียร์กันให้ชัดว่า สำหรับประชาชนทั่วไป รัฐบาลจะควักกระเป๋าสมทบ หรือจ่ายแทนไปเลย เพราะก่อนหน้านั้น รัฐบาลประกาศจะฉีดให้ฟรีๆ โดยถ้วนหน้า แต่ชะเง้อชะแง้กันมาหลายเดือน “ของฟรี” ยังไม่มาสักที
⦁…“วัคซีนทางเลือก” จะเข้ามาช่วยอุดช่องว่าง ที่จำนวนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และซิโนแวค ยังขาดจำนวนสั่งซื้อ อยู่อีก 5 ล้านราย หรือ 10 ล้านโดส ก็ต้องพูดกันตรงไปตรงมาว่า รัฐบาลไทย “ช้ามาก” ตามสถานการณ์ไม่ค่อยทัน การตัดสินใจแต่ละครั้ง “เหลียวซ้ายแลขวา” อยู่นานมาก เรื่องอย่างนี้ อาจจะต้องศึกษาจาก “ประเทศอื่น” ว่าเขาทำกันยังไง จำนวนประชากรของเราก็ “ไม่ได้ท่วมท้น” มากมาย เพิ่งฉีดได้แค่หลักหมื่น หรือแสน ถ้ายังเป็นแบบนี้ ใครจะอยากมาเที่ยวประเทศไทย อย่างที่ตั้งความหวังกันไว้
⦁…ตัวเลขการติดเชื้อยังพุ่งแรงน่าหวั่นไหว ยังดีที่รอบนี้ รัฐบาลได้บทเรียนจาก “รอบแรก” ยืนยันไม่ใช้ “ยาแรง” เลือกปิดเฉพาะกิจการที่มีปัญหา ไม่เหวี่ยงแหจนเครื่องดับไปทั้งเมือง ให้ “ผู้ว่าฯ” ซึ่งรู้สภาพพื้นที่ดีที่สุด เป็นคนตัดสินใจ เรื่องนี้ “ภาคเอกชน” เสนอได้น่าสนใจว่า สถานบริการประเภท อาบอบนวด หรือแหล่งบันเทิงประเภทผับบาร์ น่าจะปิดไปก่อน หรือเปิด แต่รณรงค์ให้เที่ยวและบริการอย่างระมัดระวัง ได้ที่แล้วไปจูบกันจ๊วบจ๊าบ กินแก้วเดียวกันไม่ได้ ส่วน “ร้านอาหาร” ต้องแยกออกไป ให้เปิดได้ ด้วยมาตรการระยะห่าง
⦁…เศรษฐกิจพอปิดเครื่อง ก็ดับไปแล้ว สตาร์ตใหม่ทีนี้ “ติดยาก” การบริหารปัญหาโควิดระลอก 3 ของรัฐบาลรอบนี้ จะเป็นปัจจัยกำหนดการเมืองในวาระที่ยังเหลือของรัฐบาล จากที่เคยมั่นใจว่าจะอยู่ได้ 4 ปี มาวันนี้ยากแล้ว แม้รัฐธรรมนูญเจ้าปัญหาฉบับนี้เป็นใจก็ตาม ปัญหาคือ จะ “ปรับเปลี่ยน” กันยังไง ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ใช้พรรคที่เตรียมๆ กันไว้ แล้วมา “เก็บใหญ่เก็บเล็กผสมน้อย” ตั้งรัฐบาล หรือถ้าจะหาทางลากกันต่อไป ก็อาจต้องหา “รูปแบบการเปลี่ยนแปลง” ที่เป็นไปได้ตามรัฐธรรมนูญ มาช่วย “ซื้อเวลา”
⦁…ที่แน่ๆ เปิดสภาเดือน พ.ค.นี้ การเมืองจะรุนแรงขึ้นอีก เพราะรัฐบาลนี้มี “ประเด็น” เยอะมาก คงได้มีรายการ “แฉโพย-สาวไส้” กันแหลก ในปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ขณะที่รัฐธรรมนูญที่ว่าจะแก้ๆ สุดท้ายเบี้ยวกันกลางแดด พลิกกลับมาแก้ “เบ็ดเตล็ดรายมาตรา” ที่ไม่ช่วยอะไร นอกจากเป็นประโยชน์กับคนที่ได้ประโยชน์อยู่ก่อนแล้ว
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่