รัฐบาลก้าวชัด สู่ ‘รัฐล้มเหลว’ เบื้องหน้าการระบาด ‘ไวรัส’
ไม่ว่าเสียงอันดังมาจากภายในพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าเสียงอันดังมาจากภายในพรรคก้าวไกล เห็นตรงกันว่า รัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ อาจอยู่ไม่ครบเทอมคือ 4 ปี
บทสรุปเช่นนี้ไม่เพียงแต่ 1 จะมาจากความต้องการในทางอัตวิสัย หากแต่ 1 ยังดำรงอยู่ตามความจริงในทางภววิสัย
กล่าวสำหรับความต้องการในทางอัตวิสัย ทุกพรรคฝ่ายค้านล้วนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง เพราะการเปลี่ยนแปลงย่อมเป็นโอกาส เป็นช่องทางที่จะพลิกฟื้น
อย่างน้อยหากเข้าสู่สภาพการณ์แห่งการยุบสภา จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ การเปลี่ยนแปลงในห้วงแห่งการหาเสียงและการตัดสินใจของประชาชนสถานการณ์อาจไม่เหมือนเดิม
ความไม่เหมือนเดิมในที่นี้ไม่เพียงแต่ผลการเลือกตั้งจะสะท้อน ให้เห็นเท่านั้น หากแต่ความมั่นใจหนึ่งก็คือ อำนาจที่มีมาตั้งแต่หลัง รัฐประหาร 2557 จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ความเชื่อมั่นประการหลังนี้แหละที่ยึดโยงและขึ้นอยู่กับความเป็นจริงในทางภววิสัยซึ่งไม่ขึ้นกับความต้องการของผู้ใด
กล่าวสำหรับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในห้วงแห่งหลังรัฐประหาร 2557 กับในห้วงแห่งหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 อยู่ในสภาพที่ไม่เหมือนเดิม
อำนาจที่เคยกระชับแน่นด้วยมาตรา 44 ก็ผ่อนคลายและต้อง เผชิญกับความเป็นจริงของระบบรัฐสภา
เอกภาพภายในของรัฐบาลภายใต้พลังจาก 250 ส.ว.อาจทำให้ สามารถสืบทอดอำนาจต่อมาได้ แต่เอกภาพภายในพรรคพลังประชารัฐ และระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันก็มีความไม่แน่นอน
ยิ่งเมื่อเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสนับแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ธาตุแท้และความเป็นจริงของรัฐราชการรวมศูนย์ก็ ค่อยๆพังทลาย
ความเป็น ‘รัฐล้มเหลว’ เบื้องหน้าการต่อต้านยิ่งแสดงแจ้งชัด
สภาพการณ์ทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมในปี 2564 จึงไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลและต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่าใด
ยิ่งสถานการณ์การเมืองเจือสมกับสถานการณ์ไวรัสลงลึกมากเท่าใด ยิ่งทำให้โฉมหน้าที่แท้จริงของรัฐไทยที่อยู่ในมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดเปลือยออกมามากเท่านั้น
ปมเงื่อนอยู่ที่ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคก้าวไกลมีความเข้า ใจอย่างไรและมีความจริงจังที่จะเข้าสัประยุทธ์มากน้อยเพียงใด
