ปธ.ศูนย์กลาง น.ร.ปี 16-อดีตกรรมการ ศนท. รับห่วง ‘เพนกวิน’ ชี้เยาวชนถูกกระทำราวอาชญากร วอนรัฐอย่าผิดซ้ำ ปวศ.

(จากซ้าย) สิตา การย์เกรียงไกร อดีตกรรมการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย และพลากร จิรโสภณ อดีตประธานศูนย์กลางนักเรียนแห่งประเทศไทย ปี 2516

ปธ.ศูนย์กลาง น.ร.ปี 16-อดีตกรรมการ ศนท. รับห่วง ‘เพนกวิน’ ชี้เยาวชนถูกกระทำราวอาชญากร วอนรัฐอย่าผิดซ้ำ ปวศ.

เมื่อวันที่ 14 เมษายน ที่หน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน กรุงเทพฯ กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นัดหมายทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ “ยืนหยุดขัง” 112 นาที เป็นวันที่ 23 เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังจากการทำกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งระบุว่าจะจัดขึ้นทุกวันจนกว่าเพื่อนจะได้รับอิสรภาพ นำโดยนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ บิดาของนายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือน้องเฌอ ผู้ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างการสลายการชุมนุมเสื้อแดง เมื่อปี 2553

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ร่วมกิจกรรมซึ่งเริ่มตั้งแต่ 17.30-19.22 น. เกือบ 400 ราย ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดนับแต่จัดกิจกรรมดังกล่าว โดยส่วนหนึ่งของกลุ่มที่เข้าร่วมในวันนี้ได้แก่ กลุ่ม OctDem (Octoberist for Democracy) ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มคนเดือนตุลา

นายสิตา การย์เกรียงไกร อดีตกรรมการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) หนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่ม OctDem กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองไทยในขณะนี้ ขอภาครัฐอย่าปิดทางเลือกที่ 3 กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ พวกตนเคยโดนมาแล้ว กล่าวคือ ถูกปิดทางเลือกที่จะอยู่เพื่อต่อสู้เคลื่อนไหวในเมืองอย่างสันติในขอบเขตที่สามารถทำได้ ในครั้งนั้นจึงต้องเข้าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์จับอาวุธขึ้นสู้กับรัฐบาล ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นอีก

Advertisement

อ่านข่าว : ทุบสถิติ! เฉียด 400 ยืนหน้าศาลฎีกา จากวันแรกมา 8 คน สามเณร ส.ส. คนเดือนตุลาร่วมด้วย

“มันพิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่า เราไม่สามารถปิดกั้นความคิดเห็นของเยาวชนได้ อนาคตเป็นของเขา ตอนปิดกั้นคนรุ่นผม ทำได้แค่ 1-2 ปีก็ต้องเปิด เยาวชนคืออนาคตของสังคมนี้ ถ้าปิดกั้น เขาก็ต้องต่อสู้ เมื่อไม่เปิดเวทีให้สู้ เขาก็ต้องระเบิด

“สำหรับการที่เพนกวิน รุ้ง และคนอื่นๆ อดอาหารเป็นเวลานาน ผมก็เข้าใจ เหมือนกับพวกผมในวันนั้นที่ไม่มีทางเลือก ก็เข้าป่า จับปืน เรารู้ว่าวิถีชีวิตในป่ามันลำบาก เลือดตากระเด็น แต่ก็ทำเพื่ออุดมการณ์ เชื่อว่าเพนกวินและใครๆ คงหาทางออกของตัวเองได้

Advertisement

“เราเคารพการตัดสินใจของเขา แต่ก็เป็นห่วง เหมือนที่พ่อแม่เคยห่วงเราในยุคนั้นที่ต้องหนีเข้าป่า ความเป็นความตายอยู่ในเส้นยาแดงผ่าแปด เพื่อนหลายคนไม่ได้ถูกกระทำให้ตายที่ธรรมศาสตร์ ที่สนามหลวง แต่ต้องตายไปในราวป่า

“ขอให้อย่าต้องมีคนตายอีกเลย ขอให้ยอมรับความเห็นต่างในสังคมเถิด เยาวชนเขาเห็นต่าง ก็ควรคุยกับเขา อภิปรายกัน ไม่มีอะไรแก้ไขไม่ได้ ทุกอย่างแก้ได้ถ้าจะร่วมกันทำ” นายสิตากล่าว

พลากร จิรโสภณ
พลากร จิรโสภณ (ชายถือป้ายสีแดง)

นายพลากร จิรโสภณ อดีตประธานศูนย์กลางนักเรียนแห่งประเทศไทย ปี 2516 กล่าวว่า วันนี้ตนมายืนเฉยๆ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ ต้องการแสดงให้เห็นว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ใช่เฉพาะของคนรุ่นใหม่ แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ คนมีฐานะทางสังคม ทั้งแพทย์ วิศวกร คนอายุ 60-80 ปีก็ยังมา เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมในสังคม

“เราต้องการแสดงเจตนารมณ์ว่ารัฐต้องใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม ต้องทำตามกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องการให้ประกันตัว โดยแท้จริงแล้วแม้จะบอกว่าพวกเขาโดนคดีอาญา แต่เป็นคดีการเมือง จึงควรได้รับการปฏิบัติในฐานะผู้มีความเห็นแตกต่าง

“เขาไม่ได้เป็นอาชญากร แต่วันนี้เยาวชนถูกกระทำยิ่งกว่าเป็นอาชญากร ไม่ให้พบพ่อแม่ ไม่สามารถคุยกับทนายความได้เป็นการส่วนตัว

“ในฐานะของคนเคยโดนกระทำ พวกเราหลายคนที่มาร่วมกิจกรรมวันนี้เคยติดคุกมาก่อน ก็มีความวิตกกังวล สังคมไทยไม่ควรย่ำเท้า ทำความผิดพลาดในแบบเดิม” นายพลากรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image