‘สามเณรสหรัฐ’ ร่วมยืนหน้าศาลฎีกา รับ ‘กลัว’ แต่ต้องสู้ ขออยู่กับมวลชน เผย ผิดหวังองค์กรศาสนา

‘สามเณรสหรัฐ’ ร่วมยืนหน้าศาลฎีกา รับ ‘กลัว’ แต่ต้องสู้ ขออยู่กับมวลชน เผย ผิดหวังองค์กรศาสนา

เมื่อวันที่ 14 เมษายน ที่ หน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน กรุงเทพฯ กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นัดหมายทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ “ยืนหยุดขัง112 นาที เป็นวันที่ 23 เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังจากการทำกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งระบุว่าจะจัดขึ้นทุกวันจนกว่าเพื่อนจะได้รับอิสรภาพ นำโดย นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ บิดาของ นายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือ น้องเฌอ ผู้ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างการสลายการชุมนุมเสื้อแดง เมื่อปี 2553

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีผู้ร่วมกิจกรรมซึ่งเริ่มตั้งแต่ 17.30 น.-19.22 น. เกือบ 400 ราย ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดนับแต่จัดกิจกรรมดังกล่าว โดยในวันนี้ สามเณรสหรัฐ สุขคำหล้า ซึ่งเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองรวมถึงขึ้นเวทีปราศรัยของฝ่ายประชาธิปไตย ได้เข้าร่วมยืน 112 นาทีด้วย โดยนำหนังสือ ‘กบฏชาวนา’ มาอ่านขณะทำกิจกรรม

Advertisement
สามเณรสหรัฐ สุขคำหล้า

สามเณรสหรัฐ กล่าวว่า การยืนเรียกร้องเป็นวิธีที่สันติที่สุดแล้วที่จะแสดงออกได้ในขณะนี้ การเคลื่อนไหวไม่ได้มีรูปแบบเดียว เราสามารถเป็นเม็ดทรายร่วมกับเม็ดทรายอื่นๆที่ออกมาร่วมกิจกรรม ไม่ต้องเป็นผู้นำตลอด สามารถเป็นผู้ตามได้ ความรู้สึกขณะนี้ ยอมรับว่าจิตใจไม่ค่อยดี เพราะยังมีความเป็นคนอยู่ ไม่ใช่พระอรหันต์ ยังสลัดอารมณ์ไม่ได้ ที่ผ่านมาโดนตามจับ ยอมรับว่ามีความกลัว แต่เมื่อหายใจเข้าลึกๆแล้ว ทำให้ได้ทบทวนและกลับมาคิดว่าสิ่งที่เขาต้องการคือความกลัว ถ้าเรายังกลัวก็เหมือนขึดหลุมฝังตัวเอง จึงคิดได้ว่าควรสู้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อย่างน้อยก็ยังได้สู้

“ยังเห็นจดหมายเวียนที่ว่า ถ้าสามเณรสหรัฐเข้าวัดไหนให้แจ้งมหาเถรสมาคม หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้บทเรียนว่า เผด็จการอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีคนร่วมมือ สำหรับอนาคตของตัวเอง ต้องตั้งคำถามถึงความหมายของชีวิต ว่าจะหากินไปธรรมดา ใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ หรือจะคำถามว่าอยู่ไปเพื่ออะไร เพื่อใคร ถ้าอยู่เพื่อตัวเอง หรือหายใจไปวันๆ ก็น่าจะต้องทบทวน แต่ถ้าอยู่เพื่อผู้อื่นจนวันตาย อนาคตของเราก็อยู่กับมวลชน คนเล็กคนน้อย ช่วยให้สังคมดีขึ้น อนาคตจะดี ขึ้นอยู่กับสังคม ปัจเจกกำหนดสังคม และสัวคมก็กำหนดปัจเจกด้วยเช่นกัน” สามเณรสหรัฐกล่าว

สามเณรสหรัฐกล่าวด้วยว่า ส่วนตัวรู้สึกผิดหวังในองค์กรศาสนา เคยคิดว่าพระผู้ใหญ่ที่พรรษาเยอะ แน่นในพระไตรปิฎก พระธรรมวินัย คงยืนหยัดในหลักการ ในจริยธรรมความเป็นสงฆ์ แต่ที่ทำกับเราไม่ใช่เช่นนั้น กลับกระทำเหมือนข้าราชการที่ทำตามคำสั่ง ขอแค่ปัดไฟร้อนให้ออกไปจากตัว แทนที่จะยืนยันในหลักการตามธรรมวินัย ไม่ใช่นำกฎหมายบ้านเมืองมาจับ อย่างไรก็ตาม ยังมีกบฏในระบอบ ยังมีพระสงฆ์ที่คอยช่วยเหลือ ไม่ว่าจะด้านที่พักอาศัย และอื่นๆ การมีสมณศักดิ์ ไม่ผิด แต่ที่ผิดคือการผูกกับอำนาจรัฐ ผูกขาดจารีตเนื้อหา หากมีการปฏิรูปวงการสงฆ์ อาจตีความพระไตรปิฎกใหม่ได้ แม้เล่มเดียวกัน แต่สามารถไฮไลต์ได้ว่าคำสอนใดที่อยากชูเป็นประเด็นสำคัญ โดยไม่ควรมีอำนาจรัฐมาจัดการว่า คนพวกนั้นพวกนี้นอกรีต ตราบใดที่ไม่ทำผิดถึงขนาดไปลักทรัพย์ ฆ่าคน หรือทำผิดพระธรรมวินัย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image