กรธ.เปิดเวทีแจงสาระร่างรธน.ต่อตัวแทนสภาองค์กรชุมชน หวังเป็นกระบอกเสียงส่งต่อข้อเท็จจริง “มีชัย” แจง ร่างรธน. เน้นปราบโกง-ไม่คิดตัดสิทธิปชช. ซัดคนบิดเบือน “หลอก”ชาวบ้าน เรื่องนายกฯคนนอก โปรยยาหอม กรธ.พร้อมฟังทุกองค์กร หากยังไม่ครอบคลุม
เมื่อเวลา 09.15 น.วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา คณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์และสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จัดโครงการสัมมนาเพื่อสร้างความเข้าใจร่างรัฐธรรมนูญและการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ร่างรัฐธรรมนูญก่อนการลงประชามติให้แก่สภาองค์กรชุมชนทั่วประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรับรู้และความเข้าใจรายละเอียดสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญและสามารถเป็นกระบอกเสียงถ่ายทอดให้แก่เครือข่ายสมาชิกคนอื่นๆ ต่อไปได้
จากนั้นเวลา 09.30 น. นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.กล่าวเปิดงาน ว่า นับเป็นครั้งแรกหลังจากเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญแล้วได้มีการเชิญคนรากหญ้ามาคุยด้วยความหวังว่าจะช่วยเผยแพร่สิ่งที่มีอยู่ในร่างรัฐธรรมนูญให้ถูกต้อง ไม่ให้คนที่ไม่ชอบเอาไปบิดเบือน ความหวังส่วนตัวในการทำความเข้าใจ องค์กรชุมชนถือว่าเป็นการจัดตั้งเริ่มจากคนในพื้นที่อย่างแท้จริง หากทำให้ดีไม่มีการเมืองแทรก ก็จะเป็นปากเสียงของประชาชนได้แท้จริง หากการเมืองแทรก วิธีคิดก็จะเปลี่ยนไปทันที ซึ่งตอนที่เขียนให้ส.ว.มีที่มาจากกลุ่มคนภาคส่วนต่างๆ นั้น องค์กรแรกที่นึกถึงคือองค์กรชุมชน เพราะมีบทบาทสำคัญที่รับรู้ปัญหารากหญ้าอย่างแท้จริงมากกว่าองค์กรอื่นๆ
นายมีชัย กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เรามีความมุ่งหวัง คือ 1.อยากทำให้สิทธิของประชาชนเกิดดอกออกผลกับประชาชนอย่างแท้จริงโดยไม้ต้องตะเกียกตะกายอย่างที่เป็นอยู่ 2.ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง 3.ทำให้การเมืองสุจริตขึ้น ขจัดการทุจริตประพฤติมิชอบให้หมดไปหรือทำให้เหลือน้อยที่สุด เพราะอันตรายจากการทุจริตรุนแรงมาก โดยกลไกในการเลือกตั้ง ส.ว. เราเน้นให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น ขณะที่กลไกการเลือกตั้งใบเดียว หรือระบบจัดสรรปันส่วนผสม เป็นกลไกที่ทำให้พออยู่กันได้ ถามว่าพรรคกับคนแยกกันได้หรือไม่ ถ้าคนดีไปอยู่พรรคไม่ดีก็กลายเป็นแกะดำ แกะขาวในพรรคนั้น ส่วนคนไม่ดีถ้าอยู่ในพรรคดีก็ทำพรรคเขาเสียหาย ดังนั้นพรรคกับคนจึงแยกกันไม่ได้ ต้องดูทั้งพรรคและคนไปพร้อมกัน ส่วนพรรคการเมืองหากอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีก็ไปหารือกันแล้วประกาศรายชื่อมาไม่เกิน 3 คนก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเพราะเวลาประชาชนไปเลือกจะได้ดูทั้งคนทั้งพรรค ซึ่งรัฐธรรมนูญจะบังคับไว้ว่าเวลาที่พรรคเสนอใครเป็นนายกรัฐมนตรีต่อสภาผู้แทนราษฎร พรรคจะต้องเลือกจากคนเหล่านี้จะไปเอาคนอื่นไม่ได้ ถ้าไม่ชอบ “คนนอก”จะเอามาทำไมในเมื่อพรรคเป็นคนเลือก ส่วนที่ไม่เขียนห้ามเพราะจากการสำรวจความคิดเห็นประชาชนบอกจะ “คนนอก”หรือ “คนใน”ก็ได้ แต่ต้องเป็นคนดีไม่โกง
“ที่คนชอบมาพูดกรอกหูกันทุกวันว่าจะเอาคนนอกมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นผมขอบอกว่าเขาหลอก บิดเบือนถึงขั้นโกหกก็มี เพราะจริงๆ เขาเป็นคนเอา เพราะพรรคต้องมีมติล่วงหน้า เขาต้องคิดของเขาเอง ดังนั้น เวลาเห็นข้อมูลของพรรคการเมืองบางพวก ช่วยกลับมาดูร่างรัฐธรรมนูญว่าเป็นอย่างไรจะได้ช่วยกันทำความจริงให้ปรากฏ กรธ.ทั้ง 21 คน ข้อมูลคงไม่ครบถ้วน เราก็รับฟังความเห็นจากคนภายนอกถ้าขาดตกบกพร่องจะได้เพิ่มเติมให้สมบูรณ์ที่สุด” นายมีชัย กล่าว
นายมีชัย กล่าวต่อว่า เรื่องสิทธิของประชาชน กรธ.พิจารณาจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 และ 2550 เป็นสำคัญ แล้วคิดว่าทำอย่างไรให้สิทธิประชาชนเกิดขึ้นจริงและได้ทุกคน ไม่ใช่เฉพาะคนที่ต่อสู้ให้ได้มา ดังนั้นกรธ.จึงแยกสิทธิที่เกี่ยวกับตัวบุคคลและสิทธิจำเป็นที่ประชาชนทุกคนควรต้องมีออกจากกัน จึงไปเขียนหมวดใหม่คือหน้าที่ของรัฐ เพราะหากรัฐไม่ปฏิบัติจะได้ชื่อว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มีโทษพ้นจากตำแหน่งซึ่งแรงกว่า ส่วนอีกเรื่องที่บิดเบือนคือ การระบุว่ากรธ.ตัดสิทธิชุมชนหมดเลย ตนก็ไม่รู้ว่าเขาอ่านหรือไม่ ซึ่งตนขอยืนยันว่าสิทธิชุมชนยังอยู่ครบเราเขียนไว้ถึง 6 แห่ง ประกอบด้วย มาตรา 42 มาตรา 43 ในหมวดสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย มาตรา 50 มาตรา 53 มาตรา 54 เขียนในไว้ในหมวดหน้าที่ของรัฐในการให้ประชาชนมีส่วนร่วม และเขียนในมาตรา 66 หมวดแนวนโยบายแห่งรัฐ
“กรธ.ร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้อาจไม่เหมือนพ.ศ.2540 และพ.ศ. 2550 เพราะตอนนั้นปัญหาของประเทศไม่ได้รุนแรงเหมือนที่เผชิญอยู่ อีกทั้งรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับได้สร้างและเขียนกฎหมายรองรับไว้หมดแล้ว กรธ.ได้เอามาเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ด้วย เพียงแต่จัดหมวดหมู่ใหม่ให้หนักแน่นและเราหวังการเป็นกัลยาณมิตรในการช่วยกันเสนอแนะ เรื่องใดขาดตกบกพร่องจะนำไปแก้ไขเพิ่มเติม แต่ต้องเข้าใจว่ารัฐธรรมนูญต้องใช้กับคนทั้งประเทศ จึงต้องเขียนกว้างๆ เพื่อไม่ให้จำกัดใคร ส่วนปลีกย่อยจะไปอยู่ในกฎหมายลูก เราไม่ได้นึกถึงว่าต้องผ่านประชามติ เราคิดแค่ให้ประชาชนเข้าใจ และให้เป็นเรื่องของประชาชนตัดสินใจเราไม่ได้ขัดข้องอะไร” ประธานกรธ. กล่าวทิ้งท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงการเปิดให้ตัวแทนสภาองค์กรชุมชนได้ซักถามนั้น ได้มีการเสนอให้เพิ่มเติมสิทธิในเรื่องคนพิการให้มากขึ้น รวมถึงอยากให้กรธ.เปิดรับฟังความเห็นให้มากกว่านี้เพื่อให้ได้ข้อมูลครบทุกด้าน และไม่อยากให้เสียของเพื่อที่ประเทศจะได้เดินหน้าต่อไป ทั้งนี้มีตัวแทนสภาชุมชนแห่งหนึ่งถามว่า “ที่ให้พวกเรามาในวันนี้ เพื่อต้องการให้การฟังร่างรัฐธรรมนูญและต้องการให้ร่วมรับร่างด้วยหรือไม่” ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาทันที
ทำให้นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการ กรธ. ซึ่งทำหน้าที่บนเวทีซักถามได้กล่าวว่า กรธ.พร้อมรับฟังทุกเรื่อง ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เพื่อให้กรธ.ได้ชี้แจงรายละเอียดร่างรัฐธรรมนูญร่างแรก ส่วนจะรับหรือไม่รับนั้นเป็นดุลพินิจของประชาชน เรายอมรับได้ และถ้าทุกท่านจะไปช่วยอธิบายข้อเท็จจริงให้ถูกต้องยิ่งขึ้นก็จะเป็นประโยชน์มาก
จากนั้นเวลา 10.40 น. นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.ให้สัมภาษณ์กรณีหลายองค์กรแสดงความกังวลว่าในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะทำให้สิ่งที่เคยผลักดันมาหายไป ว่าเสนอมาเราจะนำมาพิจารณาดู ถ้าคิดว่ายังขาดตกบกพร่องเราก็เติมให้ ไม่ว่าองค์กรไหนถ้าส่งมาเราก็รับหมด เพราะตอนนี้กำลังเอาหูแนบดินอยู่ ใครมีอะไรก็ส่งมาได้
เมื่อถามว่า หลายคนมองว่าการเขียนให้ไปครอบคลุมสิทธิเสรีภาพทั้งหมด อาจคุ้มครองได้เพียงสิทธิพื้นฐาน นายมีชัยกล่าวว่า จริงๆ ที่เราเขียนเป็นการเขียนต่อยอดให้ทั้งนั้น แต่จะขอฟังแต่ละเรื่องแต่ละกลุ่มก่อน ถ้าเราอธิบายแล้วเขายังคิดว่าขาดอยู่เราก็จะกลับมาคิดใหม่ อาจจะเอามาเติมได้แม้จะต้องมีมาตราเพิ่มขึ้นถ้าจำเป็น
เมื่อถามว่า มีวิธีการลดระยะเวลาการเขียนร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญอย่างไร นายมีชัยกล่าวว่า ยังไม่ได้คิดว่าจะทำอย่างไร ยังไม่ถึงเวลาเพราะต้องไปผ่านประชามติก่อน คิดตอนนี้ไปก็ปวดหัวเปล่าๆ แต่ก็จะไปนับเวลาดูให้ใกล้เคียงกับช่วงเวลาเลือกตั้งตามโรดแมปของรัฐบาล