อดีตเลขาฯ สมช. ทวงสิทธิปล่อยตัวก่อนศาลชี้ อัดค่านิยมพวกยึดอำนาจ ซึมลึกระบบราชการ

เสี่ยงกลียุค

อดีตเลขาฯ สมช. ทวงสิทธิปล่อยตัวก่อนศาลชี้ อัดค่านิยมพวกยึดอำนาจ ซึมลึกระบบราชการ

เมื่อวันที่ 18 เมษายน พล..ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า อันความกรุณาปราณี จะมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจถือเป็นบทกลอน ที่เทียบเคียงกับเหตุการณ์บ้านเมืองยามนี้ เพราะการมีเมตตากรุณาของหลักธรรมพรหมวิหารสี่ ซึ่งผู้หลักผู้ใหญ่มีคุณธรรมจะยึดมั่นไว้ในใจและถือปฏิบัติเสมอ การที่กลุ่มคนผู้รักความยุติธรรมได้มายืนหน้าศาลทุกวันอย่างยาวนาน เป็นปรากฎการณ์ที่มิเคยเกิดขึ้น เพื่อร่วมเรียกร้องความเป็นธรรมให้มีการปล่อยตัวผู้ถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดี อันเป็นสิทธิชอบธรรมที่พวกเขาจะต้องได้รับตามที่รัฐธรรมนูญกฎหมายสูงสุดให้ความคุ้มครอง สังคมจึงงงงวยว่าการใช้ดุลยพินิจของคนในขบวนการยุติธรรมกับสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญนั้น ความถูกต้องทำนองคลองธรรมมันอยู่ที่ตรงไหน ปัญหาการใช้ดุลพินิจของบุคคลบางคนในขบวนการยุติธรรมได้ให้ความเป็นธรรมหรือไม่ เพราะคนที่ถูกคุมขัง สังคมมองว่าเขามิใช่อาชญากรอำมหิต แต่แล้วทำไมเหตุการณ์เช่นนี้มันเกิดขึ้นได้

เมื่อเราได้พิเคราะห์แล้ว จะแจ่มชัดว่า ขบวนการยึดอำนาจที่กลายพันธุ์มาเป็นรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ได้อาศัยอำนาจรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจที่ตนออกแบบไว้ นำมาสร้างองค์กรกลไก ซึ่งล้วนขาดความชอบธรรมของที่มาค้ำยันพวกตนขณะเดียวกันก็ก่อร่างสร้างค่านิยมเลวร้ายที่ว่าการลุแก่อำนาจ ไร้ยางอาย ใจอำมหิต จะนำพาชีวิตก้าวหน้าซึ่งเป็นอิทธิพลมากดทับระบบราชการ  ประเด็นการจะปล่อยตัวผู้ถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดีที่กล่าวมา บทสรุปจึงน่าเศร้าว่า ตัวบทกฎหมายมันคลุมเครือจนต้องอาจนำมาตีความกันซ้ำซากอีกหรือ แต่องค์กรที่ต้องมาทำหน้าที่ตีความ ประชาชนก็ไม่ไว้วางใจเสียอีก แต่หลักสำคัญยิ่งก็คือผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบการใช้ดุลพินิจยุติปัญหาดังกล่าว จะต้องเป็นคนที่มีจิตใจมีพรหมวิหารสี่และใช้ควบคู่ไปกับตัวบทกฎหมาย ซึ่งหลักธรรมพรหมวิหารสี่นี้จะเป็นตัวนำ เพราะแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของความเป็นคนที่สูงกว่าตัวบทกฎหมายพล..ภราดรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image