‘ก้าวไกล’ รุมประณามกระบวนการยุติธรรม ทวงคืนสิทธิประกันให้ ‘เพนกวิน-รุ้ง’

‘ก้าวไกล’ รุมประณามกระบวนการยุติธรรม ทวงคืนสิทธิประกันให้ ‘เพนกวิน-รุ้ง’ ‘โรม’ ชี้ หากเสียชีวิตคาคุกจะสร้างมลทินมากกว่า ‘คดีอากง’ ด้าน ‘อมรัตน์’ ลั่น ผู้ถูกกล่าวหายังไม่ใช่นักโทษ

เมื่อวันที่ 20 เมษายน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณี นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง อดหารประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิในการประกันตัวเพื่อสู้คดี โดยเทียบเคียงคดีอากง ผู้ต้องหาตามมาตรา 112 ที่ได้ถูกคุมขังจนถึงแก่ความตายในเรือนจำโดยไม่มีสิทธิออกมาสู้คดี เพื่อทวงความบริสุทธิ์ยุติธรรมต่อตัวเอง ว่าขณะนี้บ้านเมืองของเรามีประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อยที่ถูกจองจำระหว่างดำเนินคดี จากเหตุของการชุมนุมและการแสดงออกทางการเมือง ซึ่งรวมถึงประเด็นสถาบันฯ อย่างน้อย 20 คน ทุกคนในจำนวนนี้ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ต่อหน้ากฎหมาย เพราะยังอยู่ในขั้นตอนของการสู้คดี ยังไม่มีคำพิพากษาอันเป็นที่สุด และมี 3 คนที่กำลังทรมานตัวเองด้วยการอดอาหาร เพื่อให้ความเจ็บปวดของพวกเขาส่งเสียงไปถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ว่า สิทธิในการประกันตัวที่พวกเขาพึงมีได้ถูกล่วงละเมิด กระบวนการยุติธรรมหาได้ยุติธรรมอย่างที่กล่าวอ้างใช่หรือไม่ น่าอนาถใจที่จนวันนี้ บรรดาผู้มีอำนาจหน้าที่ซึ่งไม่ใช่ใครนอกจากศาล ยังคงปิดหูไม่รับฟัง ไม่รู้สึกรู้สา ปล่อยให้ชะตากรรมของคนเหล่านี้ค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปสู่ปลายทางที่สังคมเริ่มมองเห็นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นั่นคือความตาย

นายรังสิมันต์กล่าวว่า ถามว่าประเทศชาติได้อะไรจากกรณีนี้บ้าง กระบวนการยุติธรรมได้รับความเชื่อถือมากขึ้นหรือไม่ และกฎหมายอาญา มาตรา 112 กลับยิ่งถูกตั้งคำถามอย่างหนักหน่วงจากสังคมไปทุกสารทิศ จากคนที่ไม่เคยทราบไม่เคยสนใจ ก็เริ่มหันมามองเรื่องดังกล่าว และเกิดคำถามขึ้นเป็นวงกว้าง กระบวนการยุติธรรมที่ถูกตั้งคำถามหนักกว่าเดิมเรื่องการถูกแทรกแซง กระบวนการจำกัดการติดต่อระหว่างผู้ต้องหา ทนาย และครอบครัว จนถูกจับตาเรื่องสิทธิมนุษยชนในระดับนานาชาติ ไปจนถึงว่าขณะนี้ เพนกวิน รุ้ง ฟ้า อดอาหารมาเป็นเวลานานมากพอที่จะเสียชีวิตลงเมื่อไรก็ได้ เพียงเพื่อเรียกร้องสิทธิในการประกันตัว สมมุติว่าผู้ที่ถูกจองจำเหล่านี้อดอาหารจนเสียชีวิตคาคุกไป มลทินของกระบวนการคัดค้านการประกันตัวของกระบวนการยุติธรรมครั้งนี้จะหนักหนากว่ากรณีของอากงมากขนาดไหน อย่าลืมว่ากรณีนี้สังคมกำลังจับตาดูอยู่ มีบรรดาครอบครัวและผู้ห่วงใยไปทำกิจกรรมหน้าศาลทุกวันติดต่อกันมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว

“ตอนนี้ยังไม่สายที่จะพิจารณาถึงข้อเท็จจริงต่างๆ ว่า หากการธำรงไว้ซึ่งกระบวนการยุติธรรมต้องยึดหลักการที่ว่าทุกคนคือผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะตัดสินถึงที่สุด และความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความอยุติธรรม” นายรังสิมันต์กล่าว

ขณะที่ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตนในฐานะผู้แทนราษฎรคนหนึ่งขอเรียกร้องต่อผู้มีอำนาจและมีสิทธิพิเศษที่จะใช้ดุลยพินิจคดีมาตรา 112 ดังนี้ ขอให้ลงโทษการกระทำของคน มิใช่ลงโทษความคิดของคน กฎหมายอาญาเป็นกฎหมายที่กระทบกับสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลโดยตรง การใช้ดุลยพินิจต้องคำนึงถึงความยุติธรรมเฉพาะกรณี หรือเฉพาะบุคคลด้วย การใช้ดุลยพินิจกำหนดโทษต้องไม่เป็นไปตามทฤษฎีแก้แค้น หรือทฤษฎีข่มขู่ยับยั้งการใช้เสรีภาพ และการใช้ดุลยพินิจเป็นอำนาจและเป็นสิทธิพิเศษของศาล เกี่ยวข้องกับการใช้วิจารณญาณส่วนตนของผู้พิพากษา การลงโทษนั้นมีประโยชน์และจำเป็นแต่ต้องมิใช่การลงโทษความคิดของคน

Advertisement

“ขอเรียกร้องการคืนสิทธิประกันตัวให้ผู้ต้องหาที่เพียงแต่โดนกล่าวหา คดีของพวกเขายังไม่เข้าสู้ขั้นตอนสืบพยานปากแรกเลยด้วยซ้ำ วันที่พวกเขาเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา ไม่ใช่นักโทษ กักขังพวกเขาไว้ทำไม” นางอมรัตน์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image