“ก้าวไกล” รำลึก เหยื่อฆ่าตัวตายจากเหตุโควิดระลอกแรก เตือน รบ.เร่งแก้ไข อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

“ก้าวไกล” รำลึก เหยื่อฆ่าตัวตายจากเหตุโควิดระลอกแรก เตือน รบ.เร่งแก้ไข อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

เมื่อวันที่ 25 เมษายน นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และรองประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้พิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ ให้สัมภาษณ์ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19 ) ระลอกใหม่ ว่า อีกสามวันจะครบรอบ 1 ปีการฆ่าตัวตายของคุณปลายฝน อ่ำสาริกา หญิงสาวอายุเพียง 19 ปี ที่ตัดสินใจจบชีวิตลงภายหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากโควิดระลอกแรก และไม่ได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล พรรคก้าวไกลไม่เคยลืมกรณีได้มอบหมายให้นายจิรัฎฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 4 เจ้าของพื้นที่ ติดตามสภาพครอบครัว โดยเฉพาะบุตรของคุณปลายฝนเป็นระยะ เพราะกรณีนี้เป็นหนึ่งในภาพสะท้อนความผิดพลาดของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือผู้ได้ร้บผลกระทบจากโควิดระลอกแรก เหมือนที่เกิดขึ้นอีกหลายกรณี จนมีการฆ่าตัวตายมากเป็นประวัติการณ์”นายณัฐวุฒิระบุ

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับการติดตามการทำงานของรัฐบาลและแนวทางการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนนั้น เมื่อวันศุกร์ที่ 23 เมษายน ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคได้มอบหมายการดำเนินการต่าง ๆ โดยพรรคจะใช้ ส.ส. และองคาพยพของพรรคทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัดประสานการทำงานอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้การทำงานของพรรคมิใช่เป็นไปเพื่อจับผิดการทำงานของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่ทำงานกันอย่างหนัก แต่ต้องการเสนอแนะการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้ง ต้องการเสนอการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่จะส่งผลต่อประชาชนและประเทศชาติในระยะยาว โดยเฉพาะการใช้งบประมาณปี 2565 ที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในปลายเดือนพฤษภาคมนี้

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการดูแลผู้ได้รับผลกระทบทางสังคมที่ตนเองได้รับมอบหมาย ทั้งกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ ความรุนแรงในครอบครัว การฆ่าตัวตาย ตลอดจนผลกระทบต่อเด็กที่ต้องอยู่บ้านเนื่องจาก รร.และศูนย์เด็กเล็กต้องปิดตัวลงนั้น พรรคพบว่าในการระบาดระลอกแรก จะเป็นการแก้ปัญหาอย่างไม่เป็นระบบ มีหลายกรณีที่ได้รับการประสานงานหรือร้องเรียนมา ต้องใช้วิธีประสานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือบางครั้งเป็น ส.ส.ในพื้นที่เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งหากปล่อยให้เป็นแบบปีที่ผ่านมา ก็จะเกิดความล่าช้าไม่ทันการณ์ เช่น ผู้ป่วยติดเตียงที่ขาดอาหาร ยา หรือบางครอบครัวที่ตกงานจนนำไปสู่การที่พ่อหรือแม่หรือลูกหรือคนในครอบครัวต้องฆ่าตัวตาย เชื่อว่าทุกคนก็คงเจ็บปวดและไม่อยากให้เกิดขึ้นแบบกรณีของ “ปลายฝน” อีก โดยตลอดระยะเวลาการระบาดของโควิดระลอกใหม่ เริ่มมีเรื่องร้องเรียนแบบนี้เข้ามาเป็นระยะ ดังเช่นเมื่อวานนี้ก็มีผู้ร้องเรียนกรณีการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งตนเองก็ได้ประสานงานกับผู้ใหญ่ของกระทรวง พม.ให้เร่งเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือ

“สถานการณ์แบบนี้ จะรอตั้งรับจนกว่าจะมีผู้มาแจ้งหรือร้องเรียนก่อนไม่ได้ แต่ต้องทำงานเชิงรุก ขอเรียกร้องให้ รบ. เร่งประสานไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประจำหมู่บ้าน (อพม.) ปรับระบบการคัดกรองและให้ความช่วยเหลือในรูปแบบการทำงานเชิงรุกต่อกลุ่มเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และกลุ่มเปราะบางต่าง ๆ โดยเร่งด่วนเป็นรูปธรรม ให้สมกับที่เคยประกาศว่า “จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ก่อนประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเหมือนปีที่ผ่านมา” นายณัฐวุฒิ กล่าว

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image