ปชป. เปิดศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ช่วยผู้ป่วยโควิดตกค้าง ขอฝ่ายการเมืองหยุดโจมตี

ปชป. เปิดศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ช่วยผู้ป่วยโควิดตกค้างถึงมือหมอโดยเร็ว “เฉลิมชัย” ขอฝ่ายการเมืองหยุดโจมตี ร่วมกันแก้วิกฤติก่อน เหน็บ “ถ้าคุณไม่รักประเทศ ก็ขอให้รักคนไทยบ้าง”

เมื่อวันที่ 25 เม.ย.เวลา 09.54 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ดูแลกทม.น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรค และนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค ร่วมกันแถลงข่าวเปิดศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน โควิด-19 (ศปฉ.ปชป.) ที่มีนายเฉลิมชัย เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ เพื่อช่วยประสานคลี่คลายปัญหาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ที่ตกค้างได้ให้เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลโดยเร็วที่สุด

โดยนายเฉลิมชัย กล่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคการเมืองที่เข้ามารับใช้ดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน นอกจากบทบาทในการเป็นสถาบันการเมืองระบอบประชาธิปไตยแล้ว ยังมีบทบาทในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อสังคมไทยร่วมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ พบว่าสถิติตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนสถานพยาบาลที่ใช้รองรับผู้ป่วย ทั้งสถานพยาบาลของรัฐและเอกชน ผู้ป่วยที่ตรวจพบว่ามีการติดเชื้อ หลายรายยังไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือ และเข้าไปอยู่ในความดูแลของแพทย์ในสถานพยาบาลได้อย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ของโรค ทั้งในส่วนของโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม รวมถึง Hospitel พรรคจึงเห็นควรได้เข้ามามีส่วนร่วมในการร่วมดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนการทำงานของภาครัฐอีกทางหนึ่ง โดยเปิดศูนย์ฯ(ศปฉ.ปชป.)ขึ้นโดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะเข้าไปรับข้อมูล และประสานงานกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ในการช่วยประสานส่งต่อผู้ติดเชื้อให้เข้ารับการรักษาได้โดยเร็วที่สุด

“วันนี้ทุกฝ่ายต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อให้ประเทศชาติก้าวผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้โดยเร็ว และขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ติดเชื้อ ครอบครัว ผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกคน ที่สำคัญอยากขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่เสียสละ อดทน ทำงานกันอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในสถานการณ์เช่นนี้” นายเฉลิมชัย กล่าว

ด้านนายองอาจ กล่าวว่า โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญคือเพื่อช่วยผู้ติดเชื้อ ฌควิดในเขตพื้นที่กทม.ให้เข้ารับการดูแลรักษายังสถานพยาบาลต่าง ๆ โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อในการดูแลตนเองและการป้องกันการแพร่กระจายของโรคในขณะที่ยังไม่ได้รับการดูแลรักษาในสถานพยาบาล และรับเรื่องราวร้องทุกข์จากพี่น้องประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการเข้าถึงระบบสาธารณสุขในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด ผ่านส.ส.ดีตส.ส. อดีตสก.อดีตสข.ของพรรค และใช้ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ของพรรค เพื่อส่งข้อมูลต่อไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหา

Advertisement

นายองอาจ กล่าวต่อว่าทั้งนี้ในฐานะที่ตนรับผิดชอบพื้นที่ กทม. พบว่ากทม.เป็นพื้นที่ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดของประเทศไทย สถิติล่าสุดเมื่อวันที่ 24 เม.ย พบมีผู้ป่วยรายใหม่ 1,582 ราย รวมสะสมตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. เป็นต้นมารวม 7,097 ราย ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนสถานพยาบาลที่จะใช้รองรับผู้ป่วย รวมไปถึงรถที่จะใช้รับส่งผู้ติดเชื้อด้วยเช่นกัน เราจึงมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน ซึ่งเราได้ช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอดตั้งแต่ที่มีการระบาดในระลอกแรก โดยลงพื้นที่สนับสนุนเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ ทั้งหน้ากากอนามัย เจล แอลกอฮอล์ล้างมือ รวมถึงข้าวปลาอาหาร สำหรับช่วยเหลือผู้เดือดร้อน และได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้ทีมงานของพรรคก็ได้ลงพื้นที่เพื่อแจกจ่ายหน้ากากอนามัยเพิ่มเติมให้กับประชาชนตลอด

ด้านน.ส.จิตภัสร์ ในฐานะผู้รับผิดชอบโซเชียลมีเดียพรรค กล่าวว่าโครงการนี้พรรคประชาธิปัตย์ อยากให้พี่น้องประชาชนได้มีช่องทางเพิ่มเติมในการแจ้งข้อมูลขอเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลที่เหมาะสมกับสภาวะของโรค เราจะไม่ทอดทิ้งให้พี่น้องประชาชนต้องต่อสู้ดิ้นรนกันเองโดยลำพัง ไม่อยากให้ผู้ใด หรือครอบครัวไหน ๆ ต้องตกอยู่ในสภาพสิ้นหวัง จึงจัดให้มีกลไกการประสานงานช่วยเหลือ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 รับผิดชอบเปิดช่องการรับข้อมูลหรือเรื่องราวร้องทุกข์ผ่านทางทีมบุคลากรของพรรคในพื้นที่ (Offline) และสื่อสังคมออนไลน์ (Online)ของพรรค จากผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อตกค้างที่ยังไม่สามารถเข้าระบบสาธารณสุขได้เพื่อส่งให้ส่วนที่ 2 ซึ่งรับผิดชอบการประสานข้อมูลผู้ติดเชื้อเพื่อการส่งต่อและส่งข้อมูลต่อไป ในส่วนที่ 3 คือตัวแทนของกระทรวงสาธารณสุขที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวกและประสานงาน โดยช่องทางโซเชียลมีเดียของพรรคจะใช้ 2 ช่องทางหลักคือ Facebook : facebook.com/DemocratPartyTH และ Twitter : twitter.com/democratTH โดยการประสานงานจะเน้นการทำงานเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ภาครัฐกำหนด เพื่อส่งผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลที่เหมาะสม หรือนัดหมายและส่งตัวผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อไปยังสถานพยาบาลได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ศูนย์ดังกล่าวไม่มีรถรับส่งผู้ป่วย แต่ได้มีการประสานกันระหว่าง นายสาธิต ปิตุเตะชะ รมช.สาธารณสุข และ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เพื่อจะใช้รถของพม.ส่วนหนึ่งมารับส่งผู้ติดเชื้อโควิด ไปส่งสถานพยาบาลต่อไป

ขณะที่นางดรุณวรรณ ในฐานะผู้รับผิดชอบประสานข้อมูลผู้ติดเชื้อเพื่อการส่งต่อ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้รวบรวมแกนนำหลักที่จะมาช่วยเป็นจิตอาสาเพื่อประสานข้อมูลกับผู้ติดเชื้อ หรือครอบครัวของผู้ติดเชื้อ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งอดีต ส.ส. อดีตผู้สมัคร ส.ส. อดีต ส.ก. รวมถึงกลุ่มยุวประชาธิปัตย์ และพร้อมปฏิบัติงานทันทีภายใต้ความตั้งใจที่จะมาช่วยรับเรื่องราวร้องทุกข์จากพี่น้องประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการเข้าถึงระบบสาธารณสุขที่จะส่งมาผ่านช่องทางทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์เพื่อส่งข้อมูลไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

Advertisement

เมื่อถามว่าการตั้ง ศบฉ.ปชป. จะไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานรัฐ และจะไม่มีเรื่อง ดราม่า ที่มีผู้ป่วยตกหล่นที่ติดเชื้อโควิดและรักษาที่บ้านเองใช่หรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ไม่ซ้ำซ้อนเป็นการตั้งขึ้นเพื่อเป็นตัวกลางเพิ่มช่องทางหรือตัวเลือกให้ประชาชนที่ติดเชื้อโควิด สามารถประสานขอความช่วยเหลือได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งตนเชื่อมั่นในระบอบสาธารณสุขประเทศไทยว่าดีไม่แพ้ที่ใดในโลก และยืนยันว่าเตียงที่รองรับผู้ป่วยติดเชื้อยังเพียงพอและ รัฐบาลสั่งให้มีการตั้งโรงพยาบาลสนาม และ โรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขกว่า 2 หมื่นเตียง

เมื่อถามต่อว่า ขณะนี้ปัญหาอยู่ที่การรับส่งผู้ป่วยไปถึงโรงพยาบาล พรรคประชาธิปัตย์จะทำหน้าที่ดังกล่าวด้วยหรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า นี่คือเหตุผลที่เราตั้งศูนย์ขึ้นเพื่อเพิ่มช่องทางในการเข้าถึง เพื่อประชาชนได้รักษาได้ทันท่วงที โดยเราไม่มีหน้าที่ไปรับส่งผู้ป่วย

เมื่อถามว่าขณะนี้ฝ่ายการเมืองโจมตีการทำงานของรัฐบาลแก้ปัญหาโควิด จนฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายในช่วงพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 65 ในช่วงต้นเดือนมิ.ย. นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ไม่เป็นกังวลเลยเพราะรัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่อยู่แล้ว

“ผมอยากให้ทุกฝ่ายทุกกลุ่มร่วมกันแก้ปัญหาและวิกฤติที่เกิดขึ้น มากกว่าที่จะนำประเด็นต่างๆไปสู่วัตถุประสงค์อื่นๆ วันนี้ถ้าคุณไม่รักประเทศไทย ก็ขอให้รักคนไทยบ้าง และช่วยกันแก้ไขวิกฤติตรงนี้ให้ผ่านไปก่อน”นายเฉลิมชัย กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image