‘จาตุรนต์’ จี้รัฐบาลต้องปรับตัว ฟังความเห็นต่าง ก่อนปัญหาโควิดจะสร้างความเสียหายใหญ่หลวง

‘จาตุรนต์’ จี้รัฐบาลต้องปรับตัว ฟังความเห็นต่าง ก่อนปัญหาโควิดจะสร้างความเสียหายใหญ่หลวง

เมื่อวันที่ 25 เมษายน นายจาตุรนต์ ฉายแสง ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Chaturon Chaisang เรื่อง “ตั้งเป้าใหม่ เปลี่ยนแนวทางรับมือโควิด-19” โดยระบุเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในตอนนี้  และว่าปัญหาใหญ่สุดคือประชาชนขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาล ก่อนจะตบท้ายว่า ถ้านายกฯกับพวกรู้จักรับฟังความเห็นต่างและเปิดรับความร่วมมือจากฝ่ายต่างๆ บางทีอาจจะช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้นบ้าง  แต่ถ้าไม่มีการปรับตัวอย่างจริงจัง เราคงต้องเจอกับความเสียหายใหญ่หลวงแน่ๆ

โดยระบุว่า

สถานการณ์โควิดรอบนี้หนักกว่าสองรอบที่ผ่านมาอย่างเทียบกันไม่ได้ กำลังจะถึงจุดที่ผู้ป่วยล้นระบบสาธารณสุขในขณะที่วัคซีนมาช้าและครอบคลุมน้อย รัฐบาลยังไม่ได้ทำงานแบบบริหารในสภาวะวิกฤต ประเมินปัญหาต่ำ ไม่ยอมรับความจริง ไม่มองปัญหาในภาพรวม ไม่กล้าตัดสินใจต่างคนต่างทำและขาดประสิทธิภาพ ขณะนี้การแก้ปัญหาสำคัญๆอยู่ในสภาพล่าช้า ไม่ทันการณ์และไม่เพียงพอไปหมด
.
●︎ ฟื้นความเชื่อมั่น ด้วยมาตรการที่เข้มข้น-ชัดเจน ●︎
.
ปัญหาใหญ่ที่สุดในเวลานี้คือประชาชนขาดความเชื่อถือเชื่อมั่นต่อรัฐบาลโดยเฉพาะต่อนายกรัฐมนตรี ถึงขั้นเป็นวิกฤตศรัทธา จำเป็นต้องเร่งแก้ไข มิฉะนั้นเราจะประสบความเสียหายที่ใหญ่หลวงมากทั้งในการเจ็บป่วย เสียชีวิต และความเสียหายทางเศรษฐกิจที่กระทบประชาชนในวงกว้าง
.
จากการแถลงสองครั้งติดๆกันของนายกฯไม่เพียงแต่ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่กลับซ้ำเติมสถานการณ์ให้แย่ลงไปอีก การสัญญาว่าจะทำงานอย่างเต็มที่แต่ไม่มีแผนงานที่ชัดเจน ไม่ตอบโจทย์ใดๆ
.
การเรียกร้องให้ร่วมมือกัน สู้ ไปด้วยกันและให้ระมัดระวังที่เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ไม่เพียงพอสำหรับสถานการณ์ที่ถึงขั้นวิกฤตร้ายแรง ไม่มีมาตรการที่เข้มข้นจากนายกฯ แถมยังส่งสัญญาณผิดๆว่าจะไม่มีการล็อคดาวน์หรือเคอร์ฟิวใดๆ การปล่อยให้แต่ละจังหวัดตัดสินใจกันไปเองและต้องรอจนกระทั่งเกิดการเรียกร้องจากวงการแพทย์ที่ไม่อาจทนรับสภาพที่เกินกำลังอีกต่อไป ทำให้ภาวะการเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีมลายหายไป
.
●︎ เตียงไม่พอ ต้องยอมรับความจริง และเร่งแก้ ●︎
.
สภาพที่ผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้ป่วยหนักกำลังจะล้นระบบซึ่งมีผู้เตือนด้วยความห่วงใยมาตลอด แต่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่รับผิดชอบไม่ยอมรับความเป็นจริง กลับยืนยันเสียงแข็งว่ามีโรงพยาบาล ห้องเตียงและอุปกรณ์ต่างๆเพียงพอ สวนทางกับข้อเท็จจริงที่แพทย์พยาบาลพยายามชี้ให้เห็น ที่นายกฯว่าจะเตรียมการจัดหาเตียงให้เพียงพอนั้น ไม่มีแผนที่เป็นรูปธรรมและไม่แม้แต่จะกล่าวถึงห้องรักษาผู้ป่วยหนัก เครื่องช่วยหายใจและออกซิเจน ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในภาวะวิกฤต
.
ขณะนี้ที่เกิดปัญหามากแล้วคือผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยเข้าไม่ถึงการบริการ ถูกทอดทิ้งตามยถากรรม หากใช้ระบบไอทีเข้ามาเชื่อมโยงข้อมูลก็จะช่วยให้การใช้ทรัพยากรมีประสิทธิภาพและคนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น สิ่งที่ประชาชนกำลังต้องการคือหลักเกณฑ์ที่จะให้ได้รับการดูแลอย่างรวดเร็วทันการณ์และเท่าเทียม ไม่ใช่เป็นระบบเส้นสาย อภิสิทธิ์หรือขึ้นกับฐานะความรวยหรือจน
.
แต่จนถึงบัดนี้นายกฯก็ยังไม่แสดงความรับรู้หรือเข้าใจปัญหา
.
●︎ กางแผนการฉีดวัคซีน ที่ทั่วถึง-รวดเร็ว ●︎
.
นายกฯได้พูดถึงการหาวัคซีนเพิ่มโดยไม่ยอมรับความผิดพลาดในการประเมินต่ำและนโยบายผูกขาด วัคซีนที่จองไว้มีความไม่แน่นอนทำให้คนลังเลที่จะฉีด อาจกระทบแผนการใช้ขึ้นได้ วัคซีนที่สั่งเพิ่มจะเข้ามาได้เมื่อไหร่ มีแผนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไทม์ไลน์อย่างไร ในเดือนพฤษภาคมนี้จะมีวัคซีนยี่ห้อใดเข้ามาเพิ่มอีกบ้างหรือไม่ มีหลักเกณฑ์ในการกระจายและจัดลำดับก่อนหลังอย่างไร ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปจะได้รับการฉีดวัคซีนเมื่อไหร่
.
จะมีการกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการเพื่อให้เกิดการเข้าถึงวัคซีนได้อย่างเป็นธรรมเท่าเทียมกันหรือไม่
.
●︎ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ปรับแผนทางการคลัง ●︎
.
เมื่อนายกฯไม่มีแผนชัดเจนว่าจะใช้มาตรการเข้มข้นหรือไม่ จึงไม่มีแผนเยียวยา สิ่งที่นายกฯใช้ขายผ้าเอาหน้ารอดก็คือเงินกู้ที่ยังไม่ได้ใช้ 3 แสนกว่าล้านซึ่งไม่มีทางเพียงพอเลยสำหรับวิกฤตรอบนี้
.
ยิ่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจยิ่งไม่มีการพูดถึงเพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดหนักหนาเกินกว่าจะรับมือแล้ว และที่นายกฯไม่ได้พูดถึงอีกอย่างที่เป็นเรื่องใหญ่มากก็คือข้อจำกัดทางการคลังที่รัฐบาลยังไม่มีทางแก้ ประเทศที่ประสบวิกฤตหนักๆนั้นต้องใช้เงินงบประมาณมหาศาลจึงจะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ มีแต่ประเทศไทยนี่แหละครับที่ย้อนกลับไปพูดถึงงบประมาณที่เหลือจากการใช้ที่ล่าช้าในรอบแรกโดยไม่มีการพูดถึงงบประมาณที่จะเพิ่มขึ้นใหม่เลย
.
.
.
ที่รวบรวมปัญหาและข้อเสนอมานี้ ดูเหมือนเรื่องใหญ่ที่สุดจะเป็นเรื่องความเชื่อถือเชื่อมั่นต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดนี้ ถ้านายกฯกับพวกรู้จักรับฟังความเห็นต่างและเปิดรับความร่วมมือจากฝ่ายต่างๆ บางทีอาจจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นบ้าง แต่ถ้าไม่มีการปรับตัวอย่างจริงจัง เราคงต้องเจอกับความเสียหายใหญ่หลวงแน่ๆ
.
ถึงตอนนั้นจะแก้ปัญหากันอย่างไรคงต้องช่วยกันหาทางละครับ บทความนี้ไม่ต้องการเสนอทางออกทางการเมืองครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image