ปชป.ฮึ่มรบ.นับถอยหลัง พท.โวยปล่อยข่าวย้ายขั้ว อนุทินยันไม่ขัดแย้งนายกฯ

ปชป.ฮึ่มรบ.นับถอยหลัง พท.โวยปล่อยข่าวย้ายขั้ว อนุทินยันไม่ขัดแย้งนายกฯ

เมื่อวันที่ 27 เมษายน นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา ถึงกรณี นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องนายกรัฐมนตรีมอบหมายงานให้รัฐมนตรีรับผิดชอบแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัดว่า สิ่งที่นายสัณหพจน์กล่าวมาคาดการณ์ได้ว่าหมายถึงพรรคปชป.ที่ได้ท้วงติงการแบ่งงานของนายกฯในหลายจังหวัด เพราะมีพรรค ปชป.พรรคเดียวที่ออกมาพูดเรื่องนี้ เพราะเรื่อง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นายสัณหพจน์คงไม่ได้ติดตามข่าวสารว่าพรรคปชป.มีการสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งให้ความรู้ การป้องกันและให้ความช่วยเหลือประชาชน ล่าสุดก็ได้มีการเปิดศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน โควิด-19 (ศปฉ.ปชป.) เพื่อช่วยประสานคลี่คลายปัญหาผู้ป่วยติดเชื้อตกค้างได้ให้เข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุด รวมถึงศูนย์บริการกฎหมายที่ได้เปิดมาตั้งแต่ช่วงแรกของการแพร่ระบาด

“การมอบหมายงานให้รัฐมนตรีลงดูแลพื้นที่ พรรค ปชป.บอกตรงๆ ไปแล้วว่าไม่พอใจเพราะไม่มีความเหมาะสมใดๆ เลย พื้นที่ภาคใต้มีพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง สวนปาล์ม ก็ควรหารัฐมนตรีที่เหมาะสมไปทำงานจะเกิดประโยชน์มากกว่า ดังนั้น พรรค พปชร.ควรตักเตือน นายสัณหพจน์ให้พูดจาในทางการเมืองที่สร้างสรรค์ พรรคร่วมรัฐบาลควรช่วยกันคิดร่วมกันทำงานเพื่อประชาชนถ้าคิดแต่ประโยชน์ส่วนตน เชื่อว่านับถอยหลังได้เลย” โฆษกพรรค ปชป.กล่าว

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราช สีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสข่าวพรรค พท. จะไปร่วมรัฐบาลแทนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ว่า เป็นข่าวลือ ไม่มีมูลความจริง ทั้งนี้ฟังข่าวลือเหล่านี้มาตลอด แต่ข้อเท็จจริงไม่มีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นแต่อย่างใด พรรค พท.ทำงานมาตลอด อยู่ดีๆ จะไปร่วมรัฐบาลทำไมและไม่ใช่เรื่องง่าย มองว่าเป็นการปล่อยข่าวมากกว่า วันนี้ประเด็นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นประเด็นหลักที่ต้องพูดคุยกัน ดังนั้นกระแสอื่นๆ ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดกันในช่วงนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์โควิดนี้จะกระทบต่อการเปิดประชุมสภาหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า อาจจะเปิดตามกฎหมาย แต่อาจจะยังไม่เรียกประชุม โดยอาจจะไปประชุมกันช่วงที่เหมาะสมก็ได้ อย่างไรก็ตามคิดว่าต้องเปิดทั้งสภาผู้แทนฯและรัฐสภา เพราะยังมีกฎหมายที่ค้างอยู่ โดยเฉพาะเรื่องร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ

Advertisement

นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พท. กล่าวว่า ข่าวที่ออกมาพรรค พท.ไม่ได้สนใจรายละเอียดที่จะเข้าไปร่วมรัฐบาล คิดว่าเรื่องนี้เป็นการปล่อยข่าวจากรัฐบาลเอง สะท้อนความไม่เป็นเอกภาพของรัฐบาล และการจัดการปัญหาภายในที่ล้มเหลว คิดว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถามว่า มีกระแสเรียกร้องให้นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาตัวเองโดยการลาออก นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นมารยาท และวิถีทางทางการเมือง ในฐานะที่รับผิดชอบ แต่ไม่เท่าทันในการจัดการ ต้องหลีกทางให้คนอื่นเข้ามาจัดการ จริงๆ นายกฯรู้ตัวเองดีที่สุดว่าขณะนี้ต้องพิจารณาตัวเองอย่างไร

วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ภายหลังมีแคมเปญล่ารายชื่อให้นายอนุทินลาออก จากกรณีการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยระบุว่า ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจ ทั้งโพสต์ ทั้งไลน์และโทรมาด้วยตัวเอง ผมยังเข้มแข็งดี ทั้งร่างกายและจิตใจ และยังมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับคณะแพทย์ และบุคลากรสาธารณสุข ทั้งของ สธ.และหน่วยงานต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชน และการควบคุมโรคให้ได้ผล บางท่านทั้งให้กำลังใจ และห่วงใยว่ามีการยึดอำนาจ แย่งอำนาจของ สธ. ผมได้แต่ตอบไปว่า รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการ สธ. เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี เป็นผู้บริหารสูงสุดและเป็นผู้รับผิดชอบ อยู่แล้วผมมีหน้าที่ปฏิบัติตามนโยบาย และคำสั่งท่านนายกฯ มาโดยตลอด

Advertisement

ส่วนเรื่องการป้องกันและควบคุมโรคระบาดโควิด-19 นั้น ศูนย์อำนวยการบริหารสถานการณ์โควิด หรือ ศบค.เป็นผู้จัดทำนโยบาย พิจารณา ออกคำสั่ง กำกับการปฏิบัติงาน โดยมีนายกฯ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ สธ.เป็นหน่วยปฏิบัติตามนโยบายของ ศบค. หลายครั้งที่ สธ.เสนอมาตรการควบคุมโรค หาก ศบค.ไม่เห็นด้วย ต้องกลับมาปรับมาตรการ ทั้งการตรวจ การป้องกัน การรักษา การจัดหายา เวชภัณฑ์ และการฉีดวัคซีน ที่ผ่านมา ศบค.เป็นผู้บริหารแบบ Single command มาตั้งแต่ต้น

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 สธ.ปฏิบัติตามนโยบาย ศบค.ด้วยดีมาตลอด จึงขอความกรุณาอย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นการเมือง และสร้างกระแสให้เกิดความขัดแย้ง และส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบสาธารณสุข และบุคลากรทางการแพทย์ ในฐานะรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการ สธ.ผมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา และปฏิบัติตามนโยบายและคำสั่งนายกฯและรายงานการปฏิบัติงานให้นายกฯทราบทุกครั้ง ขอยืนยันว่าไม่มีการยึดอำนาจ ไม่มีการแย่งอำนาจ เพราะนายกฯเป็นหัวหน้ารัฐบาล เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร และในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image