เสรีพิศุทธ์ ซัด ‘ประยุทธ์’ สร้างภาพจ่ายค่าปรับประชุมไม่สวมแมสก์ 

เสรีพิศุทธ์ ซัด ‘ประยุทธ์’ สร้างภาพจ่ายค่าปรับประชุมไม่สวมแมสก์  เหน็บยึดอำนาจบริหารโควิด 1 สมอง 2 มือจะมีปัญญาแค่ไหน ดักกองทัพอย่าหลอกปชช. ดึงดันซื้ออาวุธ

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 28 เมษายน ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าแจ้งความเอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยระหว่างเข้าร่วมประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีการปรับเป็นเงิน 6,000 บาท ว่า เรื่องนี้ต้องไปดูประกาศ กทม. ซึ่งออกวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา โดยมีการบังคับใช้ทันที ซึ่งตนคิดว่าน่าจะให้เวลาชาวบ้านบ้างเพราะกฎหมายส่วนใหญ่จะมีผลบังคับใช้หลังประกาศ

ดังนั้น ควรจะระบุให้ชัดเจนว่ามีผลบังคับใช้เมื่อไหร่ และควรประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึงเพื่อเตรียมตัว เพราะตอนนี้ประชาชนยังไม่มีจะกินเลย แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาเสียค่าปรับ เพราะประกาศปุ๊บใช้ปั๊บเลย ถ้าประชาชนไม่มีเงินจ่ายก็จะต้องถูกจำขังแทนค่าปรับ ซึ่งคนออกประกาศต้องมีความรอบคอบพอสมควร ส่วนกรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ ตนเข้าใจว่าการเป็นนายกฯ มีงานที่ต้องทำเป็นจำนวนมาก จึงไม่ทราบว่า กทม. ออกประกาศแบบนี้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็เกิดการสร้างภาพว่าเป็นผู้รักษากฎหมาย จึงเสียค่าปรับ 6,000 บาท

“ถ้าแน่จริงควรจะทำเหมือนประชาชนทั่วไป ไม่ควรใช้ศักดินาไปเรียกผู้ว่ากทม.และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รวมถึงพนักงานสอบสวนมาเปรียบเทียบค่าปรับถึงที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แสดงตัวว่าทำตามกฎหมาย ผมคนหนึ่งที่ไม่เชื่อ สร้างภาพเก่ง ทำเป็นรักษากฎหมายแต่ขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญและร่าง พ.ร.บ.ประชามติ” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

Advertisement

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า รวมถึงรัฐธรรมนูญปี 60 มาตรา 47 ระบุว่ารัฐจำเป็นต้องป้องกันโรคระบาด และรักษาให้กับประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำได้หรือไม่ เรื่องการป้องกันทำได้โดยการแจกหน้ากากอนามัยให้กับประชาชน แต่รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการในเรื่องนี้ เมื่อประชาชนไม่มีหน้ากากอนามัยใส่ก็ถูกปรับอีก ทั้งที่ตอนนี้การแพร่ระบาดรุนแรงกว่า 2 ครั้งที่ผ่านมา ส่วนการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลตอนนี้ที่มีโรงพยาบาลสนาม ตนมองว่าไม่ทันต่อเหตุการณ์ รวมถึงเรื่องการฉีดวัคซีน ทุกคนต้องได้ฉีดฟรี และตอนนี้ทุกคนก็อยากฉีดแล้วมาร้องเรียนให้ตนช่วย ตนถามว่าจะช่วยได้อย่างไรเมื่อตนก็มีเพียงแค่ 1 สิทธิ์ในการฉีดวัคซีน โดยไม่สามารถโอนโควตานี้ให้ใครได้ เนื่องจากทางสภาได้กำหนดไว้ว่าผู้ที่ต้องมาฉีดจะต้องเป็น ส.ส. และ ส.ว. เท่านั้น

เมื่อถามถึงกรณีที่หลายภาคส่วนเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา ทางพรรคร่วมฝ่ายค้านได้มีการประชุมร่วมกันผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ได้มีมติว่าพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งรวมทั้งพรรคการเมืองทั้งในสภา นอกสภา และประชาชน มีมติว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถทำตามกฎหมายที่ตนเองออกมาได้ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาโรคระบาด ตั้งแต่ครั้งแรกที่มีการแพร่ระบาดที่สนามมวยลุมพินีที่ไม่มีการลงโทษใดๆ เลยทั้งสิ้น ครั้งที่ 2 เกิดการแพร่ระบาดที่ จ.สมุทรสาคร จากแรงงานเถื่อน โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐและกระบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวเข้ามาโดยตลอด ครั้งที่ 3 การแพร่ระบาดจากบ่อนที่ จ.ระยอง จันทบุรี และตราด โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

Advertisement

และที่ผ่านมาตนได้มีการอภิปรายว่าได้มีการเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองหนึ่งด้วย และครั้งล่าสุดคลัสเตอร์คริสตัล ผับ ถามว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐและรัฐมนตรีเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำอะไร การแพร่ระบาดหนัก 4 ครั้ง ที่ผ่านมาล้วนมาจากเจ้าหน้าที่รัฐทั้งนั้นไม่ใช่ประชาชนทั้งสิ้น เป็นเพราะการปล่อยปละละเลยและการแสวงหาผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำอะไรไม่ได้ จึงเชื่อว่าไม่สามารถปกครองประเทศได้ มีอำนาจปลดรัฐมนตรีได้แต่ก็ไม่ปลด แม้แต่ส่งตัวแทนออกมาด่า ถามว่ากล้าปลดหรือไม่ เพราะถ้าปลดพล.อ.ประยุทธ์ก็อยู่ไม่ได้ ห่วงแต่ตนเองอย่างเดียวกลัวไม่มีอำนาจ ถามว่า 7 ปี ยังไม่พออีกหรือ

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกคำสั่งยึดอำนาจการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ไว้ที่ตนเองทั้งหมด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เรื่องยึดอำนาจบริหารโควิดนั้น ตนจะบ้าตาย เพราะคนเรามีหนึ่งสมองและสองมือ ถามว่าจะมีปัญญาสักแค่ไหน ควรแบ่งการกระจายอำนาจให้ผู้อื่นทำเหมาะสมแล้ว ถามว่าประเทศทั้งประเทศจะทำอย่างไรคนเดียว เพราะประเทศที่เจริญเขาไม่มีแบบนี้ โดยเฉพาะการให้ทหารเข้ามาควบคุมดูแลการบริหารควบคุมโควิด-19 และงบประมาณของประเทศ 3 แสนกว่าล้านบาท ควรใช้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด ไม่ใช่นำไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ และในร่างพ.ร.บ.งบประมาณก็ยังมีอีก ถ้าคิดถึงประชาชนจริงๆ ต้องยุติเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ ที่ไม่สำคัญ เพราะตอนนี้เรื่องโควิดสำคัญที่สุด ควรทุ่มเงินซื้อยาและวัคซีนให้ประชาชนมากที่สุด แต่ตอนนี้กลับไม่มีอนาคต และเกรงว่าจะไม่ทันเพราะตอนนี้มีประชาชนเสียชีวิตรายวัน

เมื่อถามถึงกรณีที่กองทัพบกยืนยันว่า ยังจำเป็นต้องจัดซื้อยุทโธปกรณ์ตามรายการ เพราะมีข้อผูกพันตามสัญญา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็น โดยเฉพาะการใช้งบประมาณผูกพันข้ามปีสามารถขอผ่อนชำระได้ หรือขอชะลอการจ่ายได้ ดังนั้น อย่ามาหลอกประชาชน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image