ยืนหยุดขังวันที่ 36 ‘พ่อน้องเฌอ’ อ่านบันทึกทนาย ‘ราษมัม’ ร่ำไห้ แม่ไมค์ทรุดนั่ง ผู้ชุมนุมครวญเพลงเพื่อมวลชน

ยืนหยุดขังวันที่ 36 ‘พ่อน้องเฌอ’ อ่านบันทึกทนาย ‘ราษมัม’ ร่ำไห้ แม่ไมค์ทรุดนั่ง ผู้ชุมนุมครวญเพลงเพื่อมวลชน

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 28 เมษายน ที่หน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน กรุงเทพฯ กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นัดหมายทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ “ยืนหยุดขัง” เป็นวันที่ 36 เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังจากการทำกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งระบุว่าจะจัดขึ้นทุกวันจนกว่าเพื่อนจะได้รับอิสรภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ยังคงมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก โดยมีการยืนเว้นระยะห่างและสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ กลุ่ม ‘ราษมัม’ เข้าร่วมกิจกรรมยืนหยุดขังด้วย ทั้งมารดาของนายอานนท์ นำภา, มารดาของนางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง, นางยุพิน มะนีวงศ์ มารดาของนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และนางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน โดยนางสุรีย์รัตน์ยืนร่ำไห้เกือบตลอดเวลาและพยายามเช็ดน้ำตาของตนเอง

Advertisement

ต่อมาเมื่อเวลา 18.42 น. ครบ 1 ชั่วโมง 12 นาที นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ บิดาของนายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือ น้องเฌอ ผู้ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างการสลายการชุมนุมเสื้อแดง เมื่อปี 2553 อ่านข้อเขียนจากเพจ ‘มิตรสหายทนายกับพวก’ ซึ่งบันทึกการเข้าเยี่ยมนางสาวปนัสยา หรือรุ้ง

ความว่า

‘น้องรุ้งออกจากแดนกักโรคไปอยู่แดนแรกรับแล้ว การนอนในแดนแรกรับเป็นไปอย่างยากลำบากมาก น้องนับกระเบื้องปูพื้นได้ 15 X 30 แผ่น และผู้ต้องขังต้องอัดกันอยู่จำนวนมากถึง 45 คน เวลานอนไม่สามารถขยับตัวได้ ทำให้ตื่นมามีอาการชาไปทั่วร่าง กลางคืนก็หลับๆ ตื่นๆ เกือบทั้งคืน ไม่กล้าแม้แต่จะลุกเข้าห้องน้ำเพราะจุดที่นอนต้องข้ามเพื่อนจำนวนมากกว่าจะฝ่าไปถึงห้องน้ำ น้องจะต้องอั้นปัสสาวะจนเช้า ในเรือนนอนมีกฎว่าห้ามถ่ายหนักด้วย
ผู้ต้องขังต้องถ่ายหนักมาให้เรียบร้อยก่อนขึ้นเรือนนอน เพราะกลิ่นจะได้ไม่รบกวนคนอื่น

Advertisement

คุณเคยอาบน้ำ 8 ขันมั้ย? น้องรุ้งอาบน้ำแบบนั้น จำนวนน้ำ 8 ขัน ที่น้องต้องบริหารจัดการ น้องต้องเลือกทำความสะอาดในจุดที่สำคัญและเธอยังนึกไม่ออกว่าจะสระผมอย่างไร ที่ออกแน่ๆ ก็คือคราบไคลตามเนื้อตัวร่างกายที่เกาเพียงเบาๆ ขี้ไคลก็ติดเล็บมาแล้ว

หลังจากอาบน้ำอย่างจำกัดจำเขี่ยก็จะต้องเดินกลับขึ้นอาคารนอนด้วยสภาพแฉะชื้นและต้องภาวนาทุกย่างก้าวที่จะไม่ล้มกระแทกก้นกับพื้นกระเบื้องชนิดมันเรียบที่ถูกปูเป็นลานเดิน หลายคนที่ไม่นะวังเพียงพอก็เกิดอุบัติเหตุล้มลงเสมอ

น้องรุ้งเริ่มมีอาการชาตามนิ้วมือนิ้วเท้า พยาบาลในเรือนจำจ่ายวิตามินบีและเกลือแร่ให้เธอ ตอนนี้เธอดื่มน้ำ น้ำหวาน นมต่างๆ อยู่ อากาศร้อนๆ ได้ดื่มนมเย็นเป็นอะไรที่ชื่นใจมากๆ แล้วเธอก็ชอบดื่มนมเปรี้ยวด้วย

เธอร่ายรายการอาหารที่อยากกินเสียยืดยาว ทุกร้านรอบมหา’ลัยของเธอ ซูชิ ข้าวหมกไก่ มัสมั่น แกงเขียวหวาน (บอกด้วยว่าจะกลับมากินแกงเขียวหวานที่ครัวชวนชมที่เรือนจำ) พะแนงไก่กรอบ ชาบู กุ้งเผา เธอบอกว่ายังคิดถึงกุ้งเผาที่พี่ทรายเอามาให้กินมากๆ ฉันเลยบอกเธอว่างั้นกินเลยซิคะ เธอกลับตอบเสียงกร้าวว่า “ไม่” และทอดเสียงอ่อนว่า จะออกไปกินข้างนอก

เธอเพิ่งจะทราบว่าในแดนแรกรับผู้ต้องขังไม่สามารถเบิกผ้าอนามัยได้ ผู้ต้องขังต้องซื้อใช้เอง ซึ่งก็มีขายในเรือนจำแบบเดียวคือแบบกลางวันทั่วไป ไม่มีแบบกลางคืน ทำให้หลายคนต้องใช้วิธีเอาผ้าอนามัยแบบกลางวัน 2 แผ่นมาต่อกัน คนที่มีญาติข้างนอกจะสามารถฝากผ้าอนามัยให้ได้ คนที่ไม่มีญาติและไม่มีเงินซื้อจะต้องพิสูจน์ว่าตัวเองไม่มีเงินและไม่มีญาติเป็นเวลา 3 เดือน จึงจะสามารถยื่นคำร้องขอรับผ้าอนามัยฟรีจากเรือนจำได้ ระหว่าง 3 เดือนที่ต้องรอคอยเธอผู้นั้นจะจัดการอย่างไรในช่วงมีรอบเดือนที่อาจจะกินเวลาเป็นสัปดาห์ อย่างไรนั้นฉันได้แต่คิดและสังเวชใจ

ในแดนแรกรับที่น้องรุ้งอยู่ มีนักโทษเด็ดขาดที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ต้องขังรวมอยู่ด้วย 5 คน และ 5 คนนี้ก็มีหน้าที่ในการส่งข้าวของ จดหมาย หนังสือให้กับผู้ต้องขังที่อยู่ในห้องกักโรคด้วย ปฏิบัติหน้าที่ตอนกลางวันแล้วเสร็จ ก็ขึ้นเรือนนอนพร้อมกับน้องรุ้งและคนอื่น จนรุ่งสางและคงจะเป็นอย่างนี้ต่อไป ฉันได้แต่สะพรึงกลัวในการบริหารจัดการและการควบคุมโรคของเรือนจำ ได้ทราบอย่างนี้คุณเองก็คงไม่ได้แปลกใจถ้าจะมีผู้ป่วยจากเรือนจำใช่มั้ย?

แดนแต่ละแดนในเรือนจำไม่ได้รับอนุญาตให้ข้ามแดนกัน และห้องสมุดก็อยู่ในแดนที่น้องข้ามไปไม่ได้ แต่จะมีผู้ต้องขังทำหน้าที่ส่งหนังสือให้ ต้องถามเขาว่ามีหนังสือเล่มที่ต้องการหรือไม่ ถ้ามีเขาจะเอามาให้ ไม่สามารถช้อปปิ้งเลือกหนังสือด้วยตัวเอง ฉันถือหนังสือที่มิตรสหายท่านหนึ่งส่งมาทางไปรษณีย์ผ่านมาเพื่อฝากให้น้องรุ้ง ปรากฏว่าเรือนจำไม่อนุญาตให้ฝากหนังสือแจ้งว่าอ่านหนังสือได้เฉพาะที่มีอยู่ในห้องสมุดเท่านั้น หนังสือเรียนต้องทำเป็นหนังสือขออนุญาตส่งอย่างเป็นทางการและต้องได้รับการอนุมัติจากผู้บริหารสูงสุดของเรือนจำก่อน ที่สามารถฝากได้จะเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับคดีของผู้ต้องขังเท่านั้น

วันนี้ได้เจออาจารย์ของน้องรุ้งที่มาหารือเรื่องการส่งตำรับตำราให้น้องรุ้งด้วย หนึ่งในอาจารย์ที่มาคือนักเขียนเรื่องคนไร้บ้าน อาจารย์บุญเลิศ วิเศษปรีชา อาจารย์บอกว่า วิชาของอาจารย์ขอให้น้องรุ้งเขียนประสบการณ์จากเรือนจำก็จะให้ผ่านอย่างแน่นอน เพราะอาจารย์ไม่สามารถหาข้อมูลคนข้างในได้ น้องรุ้งเองก็พูดถึงอาจารย์ด้วยความเคารพรักเป็นอย่างมาก หนังสือของอาจารย์เป็นแรงบันดาลใจให้น้องรุ้งอยากศึกษาชีวิตคนตัวเล็กที่ถูกโครงสร้างสังคมกดทับ แม้จะไม่สามารถลงพื้นที่เป็นคนไร้บ้านอย่างที่อาจารย์ทำอย่างน่าเสียดายเพราะพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงในประเทศนี้หรือโลกนี้มันน้อยเกินไป

น้องรุ้งพูดถึงการดูแลผู้ต้องขังในเรือนจำที่ไม่สามารถคืนคนดีกลับสู่สังคมได้ คนที่เข้ามาในคดีค้ายา เข้ามาในเรือนจำก็มาหาลู่ทางดีลยาจากข้างในเพื่อไปสานต่อข้างนอกแล้วก็วนกลับเข้ามาในเรือนจำซ้ำอีก และผู้กระทำความผิดก็มักจะกระทำผิดซ้ำวนลูบกลับเข้ามาในคดีเดิมอีกคนแล้วคนเล่า

ระหว่างทางเดินจากแดนแรกรับมาที่ตึกเยี่ยม เธอจะเดินผ่านดอกไม้กอเล็กๆ ที่ทางเรือนจำปลูกไว้ให้เธอได้พอมีสิ่งสวยงามให้เห็นบ้าง ดอกคุณนายตื่นสายที่เบ่งบานระหว่างทางเดินให้เธอในรู้สึกสดชื่น เธอยังคงรอคอยจดหมายจากทุกคน เธอชอบอ่านและจะหยิบมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเธอฝากบทเพลงนี้ให้ทุกคน
“ชีวา ยอมพลีให้
มวลชน ที่ทุกข์ทน
ขอพลีตน ไม่ว่าจะตายกี่ครั้ง”

เธอร้องเพลง เพื่อมวลชนจากข้างในนี้ต่อสู้เคียงข้างทุกคน’

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการอ่านข้อเขียนดังกล่าว มารดานายอานนท์ และมารดานายพริษฐ์ พากันร้องไห้เกือบตลอดเวลา จนตัองมีผู้นำกระดาษทิชชู่ให้เช็ดน้ำตา ในขณะที่มารดานางสาวปนัสยา หรือรุ้ง ก้มหน้าตลอดเวลา ด้านนางยุพิน มารดานายภาณุพงศ์ หรือไมค์ ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ หน่วยปฐมพยาบาลอาสา นำโดยนางสาวณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือแหวน รีบเข้าปฐมพยาบาล โดยนำแอมโมเนียให้สูดดม และนำผ้าให้เช็ดหน้า รวมถึงนำน้ำให้ดื่ม กระทั่งอาการทุเลา

จากนั้นนายสมาพันธ์เชิญชวนให้ผู้ทำกิจกรรมร่วมกันร้องเพลง ‘เพื่อมวลชน’ ซึ่งกลุ่มคณะราษมัมพากันร่ำไห้อีกครั้ง ในตอนท้ายผู้ชุมนุมหันหน้าเข้าสู่ศาลฎีกา ชู 3 นิ้ว ตะโกน ‘ปล่อยเพื่อนเรา’ อย่างกึกก้อง

เมื่อจบกิจกรรม นางสุรีย์รัตน์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงการเตรียมยื่นประกันลูกชายในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากทราบผ่านทนายความว่า นายพริษฐ์อาการทรุดลง ไม่สามารถรอได้อีกต่อไป ขอให้ทุกคนร่วมจับตาว่าศาลจะให้ประกันหรือไม่

นางสุรีย์รัตน์กล่าวว่า เมื่อวานมีการเพิ่มคดี จึงได้คุยกันเล็กน้อยผ่านโทรศัพท์และเห็นใบหน้าลูกชายผ่านหน้าจอ ไม่เห็นตัว เมื่อคุยจบ ไม่เห็นเพนกวินขยับลุก ตนคิดว่าไม่มีแรง คงรอคนมาพยุง กระทั่งเพิ่งทราบจากทนายความว่า เพนกวินถ่ายมีเนื้อเยื่อปนออกมา ตอนนี้ห่วงลูกมาก หัวใจจะสลาย จะยื่นขอประกันตัวพรุ่งนี้ เพราะร่างกายรอไม่ได้แล้ว ยังไม่นับการแพร่ระบาดของโควิด

“เมื่อวานได้คุยกันนิดหน่อย ดูท่าทางโอเค แต่พอคุยเสร็จ ยังไม่ลุกจากโต๊ะ เขาขยับไม่ได้ ตอนแรกสงสัยว่าจะรอคนมาพยุง แต่วันนี้ทนายบอกว่า เลือดออกในกระเพาะ ลูกจะเจ็บขนาดไหน ห่วงเขามาก หัวใจจะสลาย พรุ่งนี้จะไปยื่นขอประกันลูกอีกครั้ง เขาต้องการการรักษาตัวเร็วที่สุด เร่งด่วนที่สุด ทนายจะติดต่อประสาน เรารอไม่ได้แล้ว ตอนคุยกันเพนกวินไม่ได้บอกอาการตัวเอง พยายามพูดให้เราสบายใจ ยังคุยกันว่า ถ้าออกจากเรือนจำ ไม่รู้จะหา รพ.ได้ไหม เพราะตอนนี้โควิดระบาด เตียงเต็ม เพิ่งรู้ว่าลูกทรุดลงขนาดนี้ ใครไม่เป็นเรา ก็ไม่รู้ว่าทุกข์ขนาดไหน ขนาดตำรวจยังบอกว่าเพนกวินผอมไปเยอะ อยากถามว่าจะฆ่าเด็กคนหนึ่งให้ตายโดยยังไม่ถูกตัดสินว่าผิดหรือ เขาแค่พูดในสิ่งที่เขาคิด ทำไมต้องทำร้ายกันขนาดนี้” นางสุรีย์รัตน์กล่าวทั้งน้ำตา

ทั้งนี้ ‘พ้อย’ น้องสาวนายพริษฐ์ ซึ่งร่วมยืนชูป้ายอยู่ใกล้ๆ มีข้อความว่า ‘เพนกวินกำลังจะตายในคุก’ ได้เข้าสวมกอดมารดา ต่างฝ่ายสวมดอกให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ก่อนผู้ทำกิจกรรมแยกย้ายกลับ ในขณะที่ส่วนหนึ่งเดินไปสมทบกับกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และพรรควิฬาร์ซึ่งจัดกิจกรรม ‘อยู่หยุดขัง’ ในบริเวณใกล้เคียง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image