นายกส.ทนายชี้หนทางประกันแกนนำราษฎร เทียบเคียงกรณีเสื้อแดง ปี53

“นรินท์พงศ์” นายกสมาคมทนายความ ชี้ หนทางประกันเเกนนำราษฎร ยกเหตุประกันเสื้อเเดงปี53 ยุค “อภิสิทธิ์” เทียบเคียง รัฐบาลต้องออกมาร่วมมือเสริมเหตุผล หักล้างเปลี่ยนเเปลงคำสั่งศาล อย่าปล่อยให้เกิดการสูญเสียชีวิตจากภยันตรายที่ใกล้ถึง

เมื่อวันที่ 30 เมษายน นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ เป็นนายกสมาคมทนายความ แห่งประเทศไทยโพสต์เฟซบุ๊กถึงเเนวทาง จากกรณี คำสั่งศาลอาญาไม่ให้ประกันตัว เพนกวิน และรุ้ง และบรรดาแกนนำกลุ่มราษฎร โดยให้เหตุผลว่า อัตราโทษสูงและเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี โดยได้มีการยื่นคำร้องขอประกันตัวหลายครั้งแล้ว แต่ศาลยังคงมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว โดยเห็นว่า ไม่มีเหตุผลในการเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ซึ่งประกอบกับรัฐบาลได้แสดงความเห็นว่า รัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นอำนาจอิสระของศาล

จากกรณีดังกล่าวข้างต้น สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เห็นว่า รัฐบาลสามารถจะมีส่วนร่วมในการเสนอความเห็นต่อศาลเพื่อให้ศาลมีดุลพินิจเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมได้ เช่น กรณีตัวอย่างในอดีต เมื่อปี พ.ศ.2553 ในรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เกิดคดีการเมืองของ 7 แกนนำ นปช. นำโดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กับพวก ถูกจับในข้อหา คดีก่อการร้ายมีโทษสูงประหารชีวิต ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.2542/2553 และได้มีการยื่นขอประกันตัวต่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์รวมประมาณ 20 ครั้ง โดยขณะนั้นถูกขังอยู่ในเรือนจำมาแล้วประมาณ 8 เดือน แต่ก็ยังไม่ได้รับการประกันตัว โดยทุกครั้งศาลให้เหตุผลว่า ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม หลังจากนั้น ต่อมา ตนได้รับมอบหมายแต่งตั้งให้เป็นทนายความของทั้ง 7 แกนนำเพื่อทำหน้าที่ยื่นขอประกันตัวในเรื่องดังกล่าว

“ผมทราบดีว่า ดุลพินิจของศาลที่ไม่ให้ประกันตัวเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี หากไม่มีเหตุผลใหม่มาสนับสนุนเพื่อหักล้างเหตุผลเดิมแล้ว ศาลก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงดุลพินิจเดิมของศาลได้

Advertisement

ดังนั้น ผมเห็นว่าเหตุในคดีนี้ เกิดจากมูลเหตุทางการเมือง ซึ่งรัฐบาลเป็นคู่กรณีแห่งความขัดแย้งโดยตรง ผมจึงมีแนวคิดหารือและประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องในรัฐบาล โดยได้ประสานงานและขอความอนุเคราะห์ จากบุคคลในรัฐบาล ได้แก่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีซึ่งดูแลฝ่ายความมั่นคงฯ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (น.1) ดร.คณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลโดยตรง มาเป็นพยานเบิกความในชั้นไต่สวนต่อศาล ตามคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ในประเด็นว่า

1.แกนนำทั้งหมดมีหลักแหล่งและถิ่นที่อยู่แน่นอน
2.ถ้าได้ประกันตัวออกมาจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย
3.ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี
4.เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความปรองดอง

และเมื่อศาลได้ไต่สวนพยานบุคคลฝ่ายรัฐบาลในสาระสำคัญทั้งหมดแล้ว

Advertisement

ศาลพิเคราะห์ข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนแล้วเห็นว่า กรณีมีข้อเท็จจริงบางประการที่จะให้มี คำสั่งเปลี่ยนแปลงจากคำสั่งเดิม ดังนั้น ศาลจึงได้มีคำสั่งให้ประกันตัว 7 แกนนำ นปช. ตามเหตุผลจากคำเบิกความของพยานบุคคลของฝ่ายรัฐบาลทั้ง 3 คน ที่มารับรองและสนับสนุนในสาระสำคัญทั้ง 3 ประเด็นข้างต้น

จากกรณีดังกล่าวข้างต้น ผมในฐานะทนายความ เห็นว่า รัฐบาล ควรออกมาแสดงท่าทีและให้ความร่วมมือสนับสนุนในเรื่องขอปล่อยตัวชั่วคราวต่อศาล อันจะเป็นนัยยะสำคัญเพื่อประกอบการพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของผู้ต้องขัง เพื่อให้ศาลเปลี่ยนแปลงดุลพินิจและเป็นเหตุผลใหม่ของศาลอันนำมาสู่การปล่อยตัวชั่วคราว ได้” นายนรินท์พงศ์กล่าว และว่า

ฉะนั้น การที่รัฐบาลให้เหตุผลว่า รัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นอำนาจอิสระของศาล นั้น น่าจะไม่ถูกต้อง ข้อสำคัญที่สุดในเวลานี้ เด็กๆ ซึ่งถูกขังและอดอาหารมานาน ทุกคนอยู่ในสภาพอ่อนแอ ทรุดโทรม วิกฤตเสี่ยงต่อการเสียชีวิตภายใต้โรคโควิด-19 ระบาดอย่างร้ายแรง ซึ่งถือว่า เป็นภยันตรายที่ใกล้ถึง ซึ่งรัฐบาลไม่ควรเพิกเฉยแต่กลับควรจะให้ความสำคัญในมุมมองด้านมนุษยธรรม โดยลงมาดูแลและให้ความร่วมมือในเรื่องดังกล่าว อย่างเร่งด่วน อันจะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียและเพื่อรักษาชีวิตเด็กๆเหล่านี้เอาไว้อย่างปลอดภัย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image