‘ยืนหยุดขัง’ วันที่ 38 ‘พ่อน้องเฌอ’ อ่านเอกสารราชทัณฑ์หน้าศาลฎีกา ตะโกนเรียกร้องปล่อยเพื่อน
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 30 เมษายน ที่หน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน กรุงเทพฯ กลุ่มพลเมืองโต้กลับนัดหมายทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ “ยืนหยุดขัง” เป็นวันที่ 38 เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังจากการทำกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งระบุว่าจะจัดขึ้นทุกวันจนกว่าเพื่อนจะได้รับอิสรภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้มีผู้ร่วมกิจกรรมน้อยกว่าหลายวันที่ผ่านมา รวมถึงวานนี้ คาดว่าส่วนหนึ่งเดินทางไปสังเกตการณ์สถานการณ์ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้เข้าร่วมยังเกินจาก 40 ราย ซึ่งยืนภายในรั้วเชือกพลาสติก โดยกระจายตัวออกไปทางริมรั้วศาลฝั่งมุ่งหน้าพระแม่ธรณีบีบมวยผม มีการยืนเว้นระยะห่าง และสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกราย นอกจากนี้ยังมีการตั้งโต๊ะหน่วยปฐมพยาบาลอาสา นำโดย นางสาวณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือแหวน โดยในวันนี้ นายบารมี ชัยรัตน์ จากสมัชชาคนจน ยังคงเข้าร่วมกิจกรรม
นอกจากนี้ ผู้ร่วมกิจกรรมรายหนึ่งนำลำโพงมาเปิดเพลง “เพื่อมวลชน” ริมรั้วศาลฎีกา ในขณะที่ผู้สูงอายุบางรายนั่งลงบนเก้าอี้เมื่อยืนได้ระยะหนึ่ง แต่ยังคงปักหลักร่วมกิจกรรม
บรรยากาศทั่วไป มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเฝ้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงบันทึกภาพกิจกรรม ระหว่างนั้นผู้สัญจรผ่านไปมาหลายรายบีบแตรรถยนต์ และชู 3 นิ้ว อีกทั้งผู้ยืนรอรถประจำทางฝั่งสนามหลวงรายหนึ่งชู 3 นิ้วเป็นสัญลักษณ์ ผู้ทำกิจกรรมหน้าศาลอาญาชู 3 นิ้วตอบ ตะโกนว่า “ขอบคุณที่รักประชาธิปไตย”
กระทั่งเวลา 18.42 น. ครบ 1 ชั่วโมง 12 นาที นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ บิดาของนายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือน้องเฌอ ผู้ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างการสลายการชุมนุมเสื้อแดง เมื่อปี 2553 แจ้งความคืบหน้ากรณีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลรามาธิบดี และการโกนศีรษะของนางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดา จากนั้นอ่านเอกสารของกรมราชทัณฑ์ ตามด้วยบทสัมภาษณ์ของนางสาวพลอยวรินทร์ หรือพ้อย ชิวารักษ์ นัองสาวนายพริษฐ์ ซึ่งเล่าถึงความผูกพันในวัยเด็ก รวมถึงมุมมองต่อการอดอาหารของพี่ชาย
จากนั้นผู้ทำกิจกรรมหันหน้าสู่ศาลฎีกาชู 3 นิ้ว ตะโกน “ปล่อยเพื่อนเรา ปล่อยผู้บริสุทธิ์” แล้วแยกย้าย
