นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยเร็วๆ นี้ ว่าได้หารือร่วมกับตัวแทนบริษัทนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นา มีความเข้าใจกันอย่างดี กระทรวงสนับสนุนการขึ้นทะเบียนของโมเดอร์นา แต่ผู้ผลิตต้องส่งเอกสารตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนดเพื่อการพิจารณา ยืนยันว่า รัฐบาล กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้กีดกันวัคซีนใดๆ ที่เข้ามาเป็นวัคซีนทางเลือก วัตถุประสงค์ที่เขามาขึ้นทะเบียนเพื่อที่จะขายให้ภาคเอกชนโรงพยาบาลเอกชน สำหรับผู้ที่จะรับการฉีดวัคซีนนอกระบบ รพ.รัฐ
รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุขย้ำว่า สิ่งสำคัญคือโมเดอร์นาต้องการขายผ่านรัฐบาล หรือหน่วยงานใต้กำกับของรัฐบาลเท่านั้น ไม่ขายให้เอกชนโดยตรง ทุกบริษัทพูดเช่นนี้หมด กระทรวงสาธารณสุขจึงให้คำยืนยันกับโมเดอร์นาว่าเมื่อเอกชนไม่สามารถซื้อได้ เพราะติดเงื่อนไขจากทางบริษัทผู้ผลิต กระทรวงสาธารณสุขก็พร้อมให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นผู้นำเข้าวัคซีน แต่ภาคเอกชนต้องคอนเฟิร์มยอดการซื้อมาให้ อภ. เพราะ อภ.ไม่สามารถซื้อมาสต๊อกเพื่อรอให้เอกชนมาซื้อต่อได้อีกทอดหนึ่งได้ ทั้งนี้ เอกชนสามารถซื้อวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนในประเทศไทยได้ ขณะนี้มีแอสตร้าเซนเนก้า ซิโนแวค จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ส่วนที่รอขึ้นทะเบียนอยู่มีไฟเซอร์ โมเดอร์นา สปุตนิก ซึ่งถ้าเอกชนติดต่อซื้อตรงได้ก็ดี ถ้าซื้อยังไม่ได้ก็ซื้อผ่าน อภ. ขณะที่ นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการ อย. กล่าวว่า บริษัทวัคซีนโมเดอร์นายื่นเอกสารตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วคาดว่าจะพิจารณาขึ้นทะเบียนได้ในเดือน พ.ค. นอกจากนี้ยังมีบริษัท บารัต ไบโอเทค เทคโนโลยี และสปุตนิก ยื่นเอกสารเข้ามา ยังต้องรอการพิจารณา
การพบปะหารือดังกล่าวถือว่าเป็นแนวทางที่ดี เป็นแนวทางที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น และเป็นประโยชน์กับการควบคุมโควิด เพราะก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวสารเกี่ยวกับวัคซีนจากบางประเทศ ทำให้สังคมเกิดความไม่มั่นใจ แม้จะเชื่อมั่นในข่าวสารจากภาครัฐว่า ทุกคนควรจะต้องฉีดวัคซีนก็ตาม ความร่วมมือจากสังคมจะพร้อมเพรียงมากขึ้น หากมีความเชื่อมั่นในตัววัคซีน และมีทางเลือกเกี่ยวกับวัคซีนมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
