อดีตส.ส.ปชป. ชี้อาคารสภาฯ มีความเสี่ยง จี้เปิดไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อโควิด ถามนี่คือสถานที่ราชการเทวดาหรือ แนะผู้บริหารสูงสุดสภาฯ ควรมีหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 5 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงถึงข้อสงสัยเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารรัฐสภา ว่า เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2564 นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีหนังสือถึงบริษัทผู้รับจ้าง ขอแจ้งการใช้สิทธิ์ปรับเป็นรายวัน วันละ 12.28 ล้านบาท บวกกับค่าใช้จ่ายผู้ควบคุมงาน และที่ปรึกษาบริหารโครงการอีก 332,140 บาทต่อวัน รวมประมาณ 12.6 ล้านบาท แต่เมื่อวันที่ 8 เมษายน นางพรพิศ บอกว่าหากปรับตามอัตรา 12.6 ล้านบาท ขณะนี้เกือบครบ 10% แล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่ทราบเลยว่าสิ่งที่ผู้รับจ้างโต้แย้งเรื่องสถานการณ์โควิด-19 การขึ้นค่าแรงสมัยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นเหตุให้งดหรือลดค่าปรับได้หรือไม่ และหากลดจะลดได้เท่าไร ซึ่งขณะนี้เวลาล่วงเลยมากว่า 4 เดือนแล้วจะต้องนำค่าปรับไปหักกับค่าจ้างงวดสุดท้าย หากจ่ายค่าจ้างไปหมดแล้วจะไปหักที่ใด
นายวิลาศ กล่าวว่า จากกรณีที่นางพรพิศให้สัมภาษณ์ว่าจะมีการส่งมอบพื้นที่อาคารรัฐสภาเต็มรูปแบบในวันที่ 30 เมษายน แต่เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ตนเข้ามายังพื้นที่อาคารสภา พบว่ายังมีการก่อสร้างอยู่หลายจุด และการที่นางพรพิศให้สัมภาษณ์ว่าจะส่งมอบงานเต็มพื้นที่ ยกเว้นชั้น 11 ที่เป็นโซนเครื่องยอดและโถงงานพระราชพิธี สภาสงวนสิทธิ์การเปิดพื้นที่ ตนสงสัยว่าที่สงวนเปิดพื้นที่เป็นเพราะอะไรเกี่ยวกับการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จหรือไม่ นอกจากนี้การที่นางพรพิศอ้างว่าอาจต้องใช้เวลาในการตรวจรับมอบงาน 6 เดือน เนื่องจากอาคารรัฐสภามีขนาดใหญ่ หากภายในระยะเวลาการตรวจรับมอบงานนั้น แล้วอาคารมีการก่อสร้างผิดแบบจะคิดค่าปรับอย่างไร
นายวิลาศ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีดินถมซึ่งมีการทำผิดไปจากแบบ ขณะนี้มีการแก้ไขสัญญาแล้วหรือไม่และมีการตรวจรับมอบงานแล้วหรือไม่ สำหรับเรื่องรายงานการตรวจประเมินอาคารของสมาคมผู้ตรวจสอบอาคารพบความเสี่ยงในด้านความปลอดภัย ซึ่งพบเป็นความเสี่ยงทั้งหมด 192 แห่ง เสี่ยงมาก 81 แห่ง เสี่ยงปานกลาง 101 แห่ง ที่เหลือเป็นเสี่ยงน้อย เช่นบันไดหนีไฟ และโถงงานพระราชพิธี มีการแก้ไขตามข้อเสนอก่อนส่งมอบงานหรือไม่
“สถานการณ์โควิด-19 ที่สภาฯ ตนขอยกคำพูดของนายวัชระ ที่กล่าวว่า ไม่รู้ว่านี่เป็นสถานที่ราชการเทวดาหรือไม่ เพราะหน่วยงานอื่นเมื่อมีการติดเชื้อโควิด-19 จะมีการเปิดไทม์ไลน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด แต่ที่สภาฯ ไม่มีการบอกไทม์ไลน์ แต่อาจจะมีการแจ้งภายในไปทางผู้บริหารหรือไม่ ผมก็ไม่ทราบ แต่เมื่อไปดูคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อัยการหรือหน่วยงานอื่น มีการติดประกาศให้ทุกคนได้ทราบและมีการลงข่าว นอกจากนี้การปกปิดไทม์ไลน์ ถือว่าเป็นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ 2558 มีโทษทั้งจำและปรับ ซึ่งที่สภาฯ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่นอกจากจะไม่บอกไทม์ไลน์แล้ว ยังมีการบอกข้อมูลอันเป็นเท็จ ตนจึงอยากให้สภาฯ ตรวจสอบว่าขณะนี้มีใครบ้างที่ติดเชื้อโควิด-19 และขอให้เปิดเผยไทม์ไลน์ รวมถึงสอบสวนว่ามีใครบ้างที่ให้ข้อมูลเท็จ ซึ่งหากคำตอบของทางสภาฯ ไม่ตรงกับที่ตนรวบรวมข้อมูลมา ก็จะทำเรื่องร้องเรียนต่อไป” นายวิลาศ กล่าว
เมื่อถามว่าในกรณีที่มีคนติดเชื้อโควิด-19 ในสภาฯ ใครต้องเป็นคนรับผิดชอบ นายวิลาศ กล่าวว่า คนที่แถลงเท็จต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือผู้บริหารสูงสุดของสภาฯ ก็ควรจะมีหนังสือไปถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสภาฯ ว่าให้แจ้งข้อมูลมาตามข้อเท็จจริงและหากสิ่งที่แจ้งมาไม่ใช่ข้อเท็จจริง ถือว่าเป็นความผิดตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ สภาฯ ก็ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีต่อไป แต่หากสภาปล่อยปละละเลยก็ต้องมาดำเนินการกับสภาฯ