เครือข่ายรามฯ ‘ยืน หยุด ขัง’ ยื่นรายชื่อศิษย์เก่า-ปัจจุบัน ถึง ‘ปธ.ศาลฎีกา’ ร้องคืนสิทธิประกันตัวเพื่อน
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 5 พฤษภาคม ที่ บริเวณหน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน กรุงเทพฯ เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ทำกิจกรรม “ยื่นรายชื่อศิษย์รามคำแหง เรียกร้องสิทธิการประกันตัวให้เพื่อนเราที่ถูกจองจำ”
โดยเวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักกิจกรรม เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ประมาณ 10 คน นำโดย นายนันทพงศ์ ปานมาศ หรือ กุ๊ก เดินทางมาถึงหน้าศาลฎีกา พร้อมแต่งกายด้วยชุดนักศึกษา ห้อยภาพกลุ่มแกนนำที่ถูกคุมขัง เพื่อทำการ “ยืน หยุด ขัง” ก่อนทำการยื่นหนังสือ
นายนันทพงศ์ กล่าวว่า วันนี้เรามายืนยันในหลักการ ว่าเพื่อนเราที่อยู่ในเรือนจำทุกคนจะต้องได้รับการประกันตัวอย่างเร็วที่สุด เพราะสิทธิการประกันตัวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามระบบประชาธิปไตย ตามประมวลกฎหมายที่ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิที่จะได้รับการประกันตัว
“วันนี้พวกเรา ในนามเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ได้รวบรวมรายชื่อผ่านเพจเฟซบุ๊ก เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย และรวบรวมรายชื่อทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน มายื่นต่อประธานศาลฎีกา เพราะประธานศาลฎีกา ถือเป็นประธานศาลสูงสุดที่จะให้ความยุติธรรมแก่เพื่อนเราทุกๆ คน
เราหวังว่าประธานศาลฎีกาและผู้พิพากษาในศาลฎีกาทุกท่าน จะให้ความยุติธรรมกับประเทศนี้ ให้ความยุติธรรมกับเพื่อนเราที่ถูกจองจำอยู่ เพราะเมื่อไหร่ที่สังคมหรือประเทศไร้ซึ่งความยุติธรรม สังคมก็จะเดินหน้าต่อไม่ได้ และการล่ารายชื่อครั้งนี้ ทุกคนที่มาลงรายชื่อมีตัวตนทุกคน วันนี้เราพิมพ์รายชื่อรวบรวมรายชื่อแบบตารางชื่อรหัสนักศึกษา เป็นศิษย์เก่าคณะอะไร มีทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันนับ 1,000 คน” นายนันทพงศ์กล่าว
จากนั้น ได้อ่านจดหมายเปิดผนึก ถึง ประธานศาลฎีกา ความว่า
‘เรื่อง ขอให้ผู้ต้องหาคดีทางการเมืองได้รับการประกันตัว
กราบเรียนประธานศาลฎีกา
ตามที่ได้มีการตั้งข้อกล่าวหานักเคลื่อนไหวทางการเมือง 7 คน ประกอบด้วย นายอานนท์ นำภา, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์, นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่, นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน, นายชูเกียรติ แสงวงค์ และนายปริญญา ชีวินกุลปฐม หรือ พอร์ท
ที่ผ่านมา ไม่ให้ประกันตัวผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 7 คน เป็นครั้งที่ 9 เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย เชื่อมั่นว่า บุคคลเหล่านี้ต่างออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตยที่ประชาชนสามารถออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องความไม่เป็นธรรมในสังคม การเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือเรียกร้องให้มีการปฏิรูปส ก็ถือเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่กระทำได้ ไม่ได้เป็นการก่ออาชญากรรมแต่อย่างใด
กระบวนยุติธรรมนั้น ต้องยึดถือกันว่าสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาเป็นสำคัญ ต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้สู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม สิทธิของผู้ถูกกล่าวหาต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นสิ่งที่ได้รับรองไว้ตามกติการะหว่างประเทศ ว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ และรับรองไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพราะคดีอาญาคือการชั่งน้ำหนัก การหาดุลยภาพกันระหว่างการควบคุมอาชญากรรม และการปกป้องสิทธิของจำเลย การปกป้องสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณา ดังนั้น การได้รับปล่อยตัวชั่วคราว ต้องยึดเป็นหลักการที่ต้องปฏิบัติ ผู้ถูกกล่าวหาทุกคนพึงได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ส่วนการไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจะกระทำได้ต่อเมื่อมีเหตุดังนี้ คือ
1.มีพฤติกรรมหลบหนี
2.อาจเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
3.อาจไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น
4.หลักประกันไม่น่าเชื่อถือ
5.เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนหรือพิจารณาคดี
จะไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวได้ ก็ต่อเมื่อผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์เข้าเหตุใดเหตุหนึ่งเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาได้มีพฤติกรรมดังกล่าวข้างต้น
เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตยจึงขอกราบเรียนถึง ประธานศาลฎีกา เพื่อจะได้พิจารณาให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 7 คน และคนอื่นๆ ได้รับการประกันตัวและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาทุกคน
จากนั้น เวลา 13.36 น. นักศึกษาหญิงรายหนึ่ง ได้อ่านจดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกา ฉบับ ภาษาอังกฤษ ซึ่งมีเนื้อหาเดียวกัน
เวลา 13.40 น. นายนันทพงศ์ กล่าวอีกว่า นอกจากรายชื่อที่พวกเราได้รวบรวมมาแล้วนั้น ยังมีคอมเมนต์ในเพจที่เพื่อนๆ ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็น ก็จะรวบรวมส่งให้ประธานศาลฎีกา ว่าทุกคนที่ร่วมลงชื่อมีตัวตนทั้งหมด
”เราลงชื่อกันอย่างเปิดเผย เพื่อให้เห็นว่า พวกเรามีตัวตน อยากให้ศาลได้พิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อนเราที่อยู่ในเรือนจำ เราเชื่อว่าหลายๆ คนที่เรียนจบกฎหมายมา จะเห็นว่าระบบยุติธรรมปัจจุบันมีความผิดปกติ ขาดความชอบธรรม เราเชื่อว่าศาลฎีกาเป็นเสาหลักของประเทศอีกหนึ่งเสา น่าจะให้ความเป็นธรรมและความยุติธรรมในประเทศได้อย่างดีที่สุด
และสิ่งสำคัญ ถ้าระบบความยุติธรรมในประเทศเชื่อถือไม่ได้ ผมเชื่อว่าประเทศก็จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้” นายนันทพงศ์กล่าวต่อมา เวลา 14.44 น. ตัวแทนศาลฎีกา ได้ออกมารับจดหมายเปิดผนึก พร้อมรายชื่อ กว่า 1,000 รายชื่อ
จากนั้น เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย พร้อมใจ ชู 3 นิ้ว ตะโกน “ปล่อยเพื่อนเรา” และ “เผด็จการจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ” 3 ครั้ง
นายนันทพงศ์ กล่าวกับสื่อมวลชนด้วยว่า ตนพยายามที่จะขออนุญาติถามตัวแทนศาลที่ออกมารับจดหมายว่า เป็นเจ้าหน้าที่ที่ดูแลด้านใด แต่ถามไม่ทัน ถือว่าวันนี้สื่อมวลชนได้รับรู้ และผู้กำกับได้เป็นผู้ติดต่อให้เจ้าหน้าที่มารับจดหมาย ซึ่งก็ไม่เป็นอะไร เพราะบางทีเจ้าหน้าที่ศาลอาจจะไม่อยากเปิดเผยชื่อ แต่เรายืนยันในหลักการตรงนี้ว่า นอกจาก 7 คนที่เราเอ่ยชื่อไปแล้ว เพื่อนเราที่อยู่ในเรือนจำไม่ว่าจะเป็น น้องตี้ น้องพลอย หรือ ป้าอัญชัน ที่ยังอยู่ในเรือนจำ
“สิ่งสำคัญ ตามที่อ่านแถลงการณ์ไปแล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นการไล่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา การเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ หรือการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบัน เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศสามารถทำได้ เพราะฉะนั้น เรายืนยันในหลักการตรงนี้ว่า เพื่อนเราทุกคนที่อยู่ในเรือนจำจะต้องได้รับการปล่อยตัวให้เร็วที่สุด ส่วนพวกเรา ในสถานการณ์โควิด เราก็ ยืน หยุด ขัง ที่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง วันเว้นวัน เพื่อยืนยันในหลักการว่ารามคำแหงก็คือมหาวิทยาลัยประชาชน และสิทธิการประกันตัวต้องเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ที่เพื่อนเราทุกคนจะได้รับความชอบธรรมในการปล่อยตัวชั่วคราวออกมา
วันนี้เราเห็นกันแล้วว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารประเทศได้ล้มเหลวขนาดไหน อย่างเคสของน้าค่อม ชวนชื่น ไม่มีใครสมควรต้องมาเสียชีวิต แต่นี่คือการบริหารประเทศที่ผิดพลาด ที่ล้มเหลวของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในสถานการณ์โควิด ผมอยากเชิญชวนเพื่อนในเฟซบุ๊ก ในทวิตเตอร์ทุกๆ ท่าน ติด #พลเอกประยุทธ์ออกไป อยากให้ช่วยกันและยืนยัน 3 ข้อเรียกร้องของเราต่อไป” นายนันทพงศ์กล่าว
กระทั่ง เวลา 14.08 น. นักกิจกรรม เครือข่ายรามคำแหงฯ เดินทางกลับด้วยความสงบเรียบร้อย ขณะที่มีรายงานระบุว่าผู้ที่ออกมารับหนังสือคือ นางนาตยา ทองสุก ผ.อ.สำนักอำนวยการประจำศาลฎีกา
