สนช.ผ่านกม.ส่งเสริมกิจการฮัจย์ โอนภาระหน้าที่มท.ทำแทนกรมการศาสนา

สนช.ผ่านกม.ส่งเสริมกิจการฮัจย์ โอนภาระหน้าที่มท.ทำแทนกรมการศาสนา พาคนไทยไปประกอบพิธีฮัจย์ ที่กรุงมักกะห์

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 กันยายน ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 เป็นประธาน เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจย์ (ฉบับที่…) พ.ศ…. ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจย์ พ.ศ.2524 เนื่องจากปัจจุบันผู้นับถือศาสนาอิสลามให้ความสนใจเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์เป็นจำนวนมาก จึงได้มีการแก้ไขปรับเปลี่ยนให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย (มท.) ที่มีหน่วยงานราชการในภูมิภาคสามารถใกล้ชิดประชาชนในทุกพื้นที่ ทำหน้าที่ส่งเสริมกิจการฮัจย์แทนกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ รวมทั้งปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นรองประธานกรรมการ และให้มีกรรมการโดยตำแหน่ง 11 คน จากเดิม 10 คน โดยเพิ่มปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมทั้งให้คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์ ตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจการฮัจย์ไม่เกิน 7 คน เพื่อทำหน้าที่เสนอแนะแนวทางและมาตราการเพื่อคุ้มครองอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์

จากนั้นได้พิจารณาเรียงลำดับรายมาตรา โดยนายวัลลภ ตั้งคณานุรักษ์ สนช. อภิปรายว่าไม่ติดใจที่ กมธ.ได้แก้ไขเพิ่มปลัดวัฒนธรรมเป็นกรรมการ เพราะมีความเกี่ยวข้อง แต่ที่มีความกังวลในเรื่องของการตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมฯที่กำหนดให้มีผู้ประกอบการเกี่ยวกับกิจการฮัจย์มาเป็นคณะอนุกรรมการ ซึ่งคนเหล่านี้มีส่วนได้ส่วนเสียและผลประโยชน์ทับซ้อนกับการนำประชาชนไปประกอบพิธีฮัจย์ที่กรุงมักกะห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย

นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ ประธานคณะกรรมาธิการ ชี้แจงว่า คนที่จะมาเป็นคณะอนุกรรมการจะต้องมีคุณสมบัติและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งผู้ประกอบการเหล่านี้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์เกี่ยวกับกิจการฮัจย์มีหน้าที่เพียงเสนอแนะ เสนอมาตรการคุ้มครองแก่ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ อย่างไรก็ตาม เมื่อสมาชิกมีความกังวล ทาง กมธ.ก็จะรับข้อสังเกตดังกล่าวไปเขียนไว้ท้ายร่าง พ.ร.บ.เพื่อให้การตั้ง อนุกรรมการมีความรอบคอบป้องกันไม่ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าไปเป็นคณะอนุกรรมการ

ภายหลังอภิปรายเสร็จสิ้นที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบวาระ 3 ด้วยคะแนน 161 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป

ADVERTISMENT