- ‘จุรินทร์’ ยันแก้รธน.ต้องทำควบคู่การแก้ปัญหาอื่น ปชป.ยึดหลักไม่ให้ถอยหลังเข้าคลอง ชี้ อย่ามองแง่ลบ พรรคการเมืองช่วยปชช.ช่วงโควิด
เวลา 10.30 น.วันที่ 12 พฤษภาคม ที่วัดดวงแข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการลงพื้นชุมชนวัดดวงแข เขตปทุมวัน เพื่อมอบถุงยังชีพแและข้าวกล่อง ช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากกรแพร่ระบาดของโควิด-19 ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นเรื่องที่ยังดำเนินการอยู่โดยต่อเนื่อง แม้จะเป็นช่วงที่ต้องเจอกับสถานการณ์โควิด ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าประเทศมีปัญหาหลายด้าน เพราะฉะนั้นปัญหาทุกด้านก็สามารถทำควบคู่กันไปได้ ตนไม่อยากให้เกิดความเข้าใจว่า ประเทศกำลังมีปัญหาโควิด แล้วจะมาแก้รัฐธรรมนูญ ทำไมไม่แก้โควิดให้จบก่อน ความจริงหลายปัญหาก็สามารถทำควบคู่กันไปได้ โควิดก็ต้องแก้ เศรษฐกิจก็ต้องแก้ แต่ปัญหาการเมืองก็ต้องทำควบคู่กันไป ซึ่งหนึ่งในปัญหาการเมืองคือการแก้รัฐธรรมนูญ
“การแก้รัฐธรรมนูญในส่วนประชาธิปัตย์ยังเดินหน้าต่อไป ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น ที่ผ่านมาเราทำจนกระทั่งสุดทางแล้ว นั่นก็คือยืนยันลงมติเห็นชอบในวาระที่สาม ชัดเจนว่าเราทำจนสุดความสามารถ แต่สุดท้ายก็ตกไป แต่การเดินหน้าแก้รายมาตราก็จะต้องเดินหน้าต่อไป ซึ่งขณะนี้ยกร่างเสร็จแล้ว 6 ร่าง แล้วได้นำเสนอไปยังพรรคภูมิใจไทย กับพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งทั้ง 2 พรรคก็จะมานั่งคุยกัน และเมื่อเปิดสภาฯก็คงได้มีการตัดสินใจร่วมกันอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ในแนวทางที่เห็นหลักการตรงกันเบื้องต้นว่าควรแก้ไขรายมาตรา หลักของประชาธิปัตย์ก็ชัดเจนว่าต้องเดินหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น ไม่ใช่แก้โดยถอยหลังเข้าคลอง ถ้าอย่างนั้นก็ไม่แก้ดีกว่า” นายจุรินทร์ กล่าว
เมื่อถามว่า มีมาตราใดบ้างในร่างของพรรคพลังประชารัฐ ที่พรรคประชาธิปัตย์พอจะเห็นด้วย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ต้องดูว่ามาตรานั้นๆ นำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นหรือไม่ ถ้าถอยหลังเข้าคลอง การไปร่วมก็จะกลายเป็นทำให้รัฐธรรมนูญติดลบหนักเข้าไปอีก ประชาธิปไตยก็ติดลบหนักเข้าไปอีกด้วย จึงควรจะต้องบวกขึ้น คือให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น หลักของพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนตั้งแต่ต้นแล้ว ซึ่งตนได้ประกาศตั้งแต่วันแรกที่เป็นหัวหน้าพรรค ยังไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อถามถึงการลงพื้นที่ในวันนี้ (12 พฤษภาคม) หวั่นกันว่าจะเป็นการหาเสียงล่วงหน้า และนายกรัฐมนตรีก็ได้กำชับเรื่องนี้เป็นพิเศษแล้ว นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นเรื่องของการช่วยกันคนละไม้คนละมือ และไม่อยากให้รังเกียจพรรคการเมือง ในระบอบประชาธิปไตยพรรคการเมืองคือกลไกหลักสำคัญในการที่จะทำให้ประชาธิปไตยสามารถยืนอยู่ได้หรือไม่ได้ เพราะฉะนั้นการที่พรรคการเมืองไม่ว่าจะพรรคไหน ไม่เฉพาะประชาธิปัตย์ยื่นมือมาช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนจากสถานการณ์โควิด ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ควรแก่การสนับสนุน
“ไม่อยากให้ไปมองในแง่ลบ อยากให้มองในแง่บวก เพราะสุดท้ายคนได้ประโยชน์คือประชาชน และผู้ประสบภัยโควิด” นายจุรินทร์ กล่าว
