กลุ่มประชาชนคนไทย ยื่นหนังสือ ขอ ‘บิ๊กตู่’ ลาออก เผยอดีต กปปส.-อดีตแกนนำพันธมิตร เห็นตรงกัน

กลุ่มประชาชนคนไทย ยื่นหนังสือ ขอ ‘บิ๊กตู่’ ลาออก เผยอดีต กปปส.-อดีตแกนนำพันธมิตร เห็นตรงกัน ด้าน ‘เสกสกล’ โต้ทันควัน บิ๊กตู่ เหมาะสมเป็นผู้นำที่สุดในวิกฤตนี้

เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 18 พฤษภาคม กลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) จำนวน 8 คน นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล เดินทางมาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่สามารถตอบสนองข้อเรียกร้องของประชาชน และไม่มีความสามารถในการแก้ไขวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ โดยนายพิชิต ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี

สำหรับเนื้อหาในแถลงการณ์ ของกลุ่มประชาชนคนไทย มีใจความว่า เนื่องจากระยะเวลา 7 ปี ที่ผ่านมา รัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ตอบสนองข้อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปในทุกด้านมีแต่ความพยายามกระชับอำนาจออกแบบพระธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจอีกทั้งยังผิดสัญญาประชาคมซึ่งเคยให้ไว้ต่อรัฐสภา

ในด้านบทบาทของนายกรัฐมนตรีซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 ที่ยืดเยื้อมากกว่า 1 ปี สร้างผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพของประชาชนคนไทยและลุกลามสู่วิกฤตเศรษฐกิจ ที่ก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 มีปัญหาอย่างหนักอยู่แล้วภายใต้การบริหารงานของนายกรัฐมนตรี

Advertisement

“พล.อ.ประยุทธ์ ยิ่งสร้างปัญหาปากท้องอย่างแสนสาหัสยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อมีการออกมาตรการที่ไม่เข้าใจพื้นฐานของปัญหาในช่วงที่เกิดการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ปรากฏว่าถึงแม้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจอยู่ในมือทั้ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินและการรวบอำนาจในกฎหมายอื่นๆ แต่ปัญหาคือการขาดความสามารถของนายกรัฐมนตรี จนเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้การแก้ไขปัญหาล้มเหลวและเกิดการแพร่ระบาดเป็นรอบที่ 3 และไม่มีทีท่าว่าสถานการณ์จะทุเลาเบาบางลงจนวางใจได้ว่าประชาชนคนไทยจะกลับมามีชีวิตวิถีชีวิตที่ปกติได้ในเร็ววัน”

แถลงการณ์ระบุด้วยว่า นอกจากนี้ รัฐบาลไม่สื่อสารกับประชาชนด้วยการให้ข้อมูลเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ครอบคลุมและเพียงพอสร้างความตระหนกตกใจในหมู่ประชาชนมุ่งแต่เพียงการสื่อสารในมิติทางการเมืองเพื่อปกป้องตัวเองโยนความผิดให้ประชาชนจนเกิดความไม่ไว้วางใจและความไม่เชื่อมั่น ที่สำคัญรัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่มีการแสดงท่าทีใดๆ เมื่อมีการก้าวล่วง ใส่ร้าย และโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างโจ่งแจ้ง รัฐบาลไม่ปกป้องสถาบันอย่างแข็งขันกับนำมาเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเกาะปิดบังพฤติกรรมชั่วร้าย ผิดจริยธรรมทางการเมือง และทบทวนความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงแสดงออกราวกับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นปัญหาความแตกแยกของคนในชาติกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งที่จริงแล้วต้นเหตุของปัญหาล้วนมาจากรัฐบาลนั่นเอง

Advertisement

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงคำปรารภของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ชี้ให้เห็นถึงวิถีของประเทศชาติจากการที่มีผู้ไม่นำพาไม่นับถือยำเกรงกฎเกณฑ์การปกครองบ้านเมืองมีผู้ทุจริตฉ้อฉล บิดเบือนอำนาจและขาดสำนึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นผล แต่ที่ผ่านมารัฐบาลมิได้นำพาแก้ไข จนทำให้วิกฤตดังกล่าวขยายตัวทางด้านกว้างและลึก คุณภาพชีวิตของประชาชนวิกฤตหนักถึงขีดสุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหากปล่อยให้เนิ่นนานออกไปประเทศไทยจะตกอยู่ในภาวะล้มสลาย ด้วยเหตุนี้การแก้ไขวิกฤตชาติจึงต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของประชาชนทุกภาคส่วนรวมถึงนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่ต้องร่วมกันเสียสละเช่นเดียวกับ ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณลสูลานนท์ รัฐบุรุษ และอดีตประธานองคมนตรี ที่เคยลงจากอำนาจอย่างสง่างามเพื่อร่วมกันสร้างชาติให้แข็งแกร่งด้วยหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ยึดถือหลักความสุจริตหลักสิทธิมนุษยชนและหลักธรรมาภิบาล เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้พัฒนาไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

“กลุ่มประชาชนคนไทยจึงเห็นร่วมกันว่าในขณะนี้สมควรอย่างยิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องเสียสละลาออกเพื่อให้กลไกรัฐสภาเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 272 วรรค 2 โดยยกเว้นการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีในบัญชีพรรคการเมืองจากกรณีไม่ได้เสียงเกินกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของรัฐสภาโดยใช้เสียง 2 ใน 3 เพื่อเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีนอกบัญชีพรรคการเมืองมาทำหน้าที่ผู้นำรัฐบาลสร้างชาติ”

นายพิชิตกล่าวว่า จากการหารือกันคร่าวๆ สำหรับรายชื่อบุคคลที่ มีการท้าทายกันเป็นต้นอาทิ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการอังค์ถัด และอดีตผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (WTO) ในฐานะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งนี้ ไม่ได้มีการเจาะจงใครเป็นพิเศษ เรื่องนี้แล้วแต่ประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม สำหรับผู้ที่จะเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาประเทศ อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้มีการรวมกลุ่มกัน ซึ่งมีทั้งอดีตแกนนำ กปปส.เก่า และอดีตแกนนำพันธมิตร หลายคนมีความเห็นไปในแนวทางเดียวกัน

ขณะที่ นายเสกสกลกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลทำงานอย่างหนักหน่วงทั้งเรื่องวิกฤตโควิด-19 และการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ ขอให้มวลชนพักเรื่องการเมืองเอาไว้ก่อน และขอให้กลับมาสามัคคีกันอีกครั้ง โดยอย่าพึ่งหลงเชื่อคำยุแยงของอีกฝ่าย เพราะตนยังเชื่อว่านายกฯที่เหมาะสมและสามารถแก้ไขสถานการณ์ในปัจจุบันได้ดีที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนเรื่องการปฏิรูป และสร้างปรองดองนั้น ที่ผ่านมาก็เดินหน้ามาตลอด หากไม่ติดวิกฤตโควิด เชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้เร็ว ดังนั้น ขณะนี้ขอเอาชีวิตประชาชนเป็นประโยชน์สูงสุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image