รำลึก 7 ปีรัฐประหาร ‘ธนาธร’ โยงสัมพันธ์ ‘นายทุน-ขุนศึก-ศักดินา’ ขบวนการแช่แข็งปท.

รำลึก 7 ปีรัฐประหาร ‘ธนาธร’ โยงสัมพันธ์ ‘นายทุน-ขุนศึก-ศักดินา’ ขบวนการแช่แข็งปท. สูบกินผลประโยชน์บนหัวปชช.

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 22 พฤษภาคม กลุ่ม Re : Solution ถึงเวลารัฐธรรมนูญ ผู้รณรงค์ล่าชื่อแก้รัฐธรรมนูญ “ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์” จัดกิจกรรมออนไลน์รำลึกครบรอบ 7 ปีการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 เฟซบุ๊กไลฟ์ โดยมี 7 บุคคลสำคัญ มาร่วมถอดบทเรียนของสังคมไทยจากการรัฐประหาร 2557 ที่สืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญ 2560 มาจนถึงปัจจุบัน

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวบรรยายในหัวข้อ “นายทุน-ขุนศึก-ศักดินา: พันธมิตรเศรษฐกิจหลังรัฐประหาร” โดยนายธนาธร กล่าวว่า ตนเชื่อว่าทุกคนไม่ว่าจะมีความคิดทางการเมืองเช่นไร ย่อมอยากเห็นประเทศไทยพัฒนาไปข้างหน้าในทุกด้าน ไม่ว่าจะด้านการศึกษา สิ่งแวดล้อม การบริการภาครัฐ การคมนาคมสาธารณะ สวัสดิการของรัฐที่ดี เทคโนโลยีที่เป็นของเราเอง การมีงานที่มีคุณค่ามีความหมาย แต่ทว่าประเทศไทยเรากลับยังไปไม่ถึงจุดนั้น เพราะประชาชนไม่มีสิทธิไม่มีเสียง ไม่ได้เป็นเจ้าของประเทศร่วมกันอย่างแท้จริง แต่พันธมิตรระหว่างกลุ่มอภิสิทธิ์ชน นายทุน-ขุนศึก-ศักดินา เป็นเจ้าของอำนาจที่ไม่พร้อมและไม่ยอมปล่อยอำนาจให้เป็นของประชาชน

หลังการทำรัฐประหารทุกครั้ง เราจะเห็นการจัดสรรดุลอำนาจและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจใหม่ในหมู่อภิสิทธิ์ชน เมื่อ 7 ปีที่แล้วก็เช่นกัน ที่รัฐบาล คสช. มาจนถึงรัฐบาลประยุทธ์สองหลังการสืบทอดอำนาจได้มีการออกกฎระเบียบและนโยบายต่างๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน

Advertisement

“นี่คือทรัพยากรของประเทศ นี่คือภาษีของประชาชน เราต้องอย่าลืมว่ากลุ่มทุนใหญ่ๆ หลายกลุ่มเคยเข้าร่วมสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหาร เหล่านี้เขาต้องการอะไร เขาต้องการการคุ้มครองปกป้องจากรัฐ เพื่อให้ตัวเองผูกขาดทางธุรกิจได้ต่อไป เพื่อให้กฎหมายที่ปกป้องกลุ่มธุรกิจของพวกเขาได้รับการคุ้มครองต่อไป” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวว่า ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจในสังคมไทยไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบมาจากนโยบายของรัฐ ในปี 2559 คนรวยที่สุด 1% ของประเทศไทยครอบครองทรัพย์สินในประเทศ 58% ต่อมาในปี 2561 คนรวย 1 % นี้ครอบครองทรัพย์สินเพิ่มจาก 58% ของประเทศเป็น 66.9% ของประเทศ ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลจากการรัฐประหารกับกลุ่มทุนผูกขาดยังล่วงเลยมาถึงช่วงเวลาของสถานการณ์ที่เกิดวิกฤตโควิดด้วย ทั้งที่เราควรจะเอาพลังของทั้งประเทศมาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและเยียวยาประชาชน แต่รัฐบาลกลับออกนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนใหญ่ เช่น การให้ตลาดสดและโรงเรียนถูกสั่งปิด แต่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ไม่ถูกสั่งปิด ร้านสะดวกซื้อชื่อดังกลับไม่เคยปรากฏอยู่ในไทม์ไลน์ของผู้ป่วยรายใดเลย รวมถึงเมื่อการระบาดของโควิดเริ่มต้นขึ้นปีที่แล้ว รัฐบาลเอาภาษีของประชาชนไปเยียวยาให้กับกลุ่มทุนก่อนที่จะเอามาเยียวยาประชาชนเสียอีก

“ผมเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างนายทุน-ขุนศึก-ศักดินานี้เอง ที่เป็นเหตุผลทำให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปข้างหน้าไม่ได้ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลระหว่างคนรวยกับคนจน นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เราจะบอกว่าเราพอแล้ว ไม่เอาอีกแล้วกับโครงสร้างสังคมแบบนี้ ถึงเวลาที่จะต้องมาปรับเปลี่ยนโครงสร้างสังคมด้วยกัน เพื่อให้ประเทศไทยได้เป็นประชาธิปไตย มีโครงสร้างสังคมที่เอื้อให้กับประชาชนได้ใช้ชีวิตอย่างมีเสรีภาพ ได้มีโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจ 7 ปีที่ผ่านมาคือ 7 ปีที่พวกเราสูญเสียเวลา สูญเสียทรัพยากร สูญเสียงบประมาณไปมหาศาล” นายธนาธร กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image