5 เสือ กกต.ส่อวงแตก ‘ศุภชัย’ถูกทวงให้ลงจากเก้าอี้ประธาน

5 เสือ กกต.ส่อวุ่น หลัง’ศุภชัย’ถูกจี้ให้ลงจากเก้าอี้ ปธ.กกต. สนง.ร่อนหนังสือถามความชัดเจน คสช.หวั่นติดขัดข้อ กม.พนง.วิจารณ์แซ่ดหวั่นปมปัญหาความแตกแยกทำ กกต.ถูกเซตซีโร่ใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุม กกต. เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติให้สำนักงาน กกต.มีหนังสือสอบถามไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า หากจะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธาน กกต.จะทำได้หรือไม่ และเข้าข่ายเป็นการขัดคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 40/2559 ที่ให้งดการสรรหากรรมการองค์กรอิสระทั้งหมดไว้ก่อนและให้คนเก่าดำรงตำแหน่งจนครบวาระหรือไม่ โดยก่อนหน้าในการประชุม กกต.เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ซึ่งมีวาระสำคัญในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานฯแต่เมื่อเริ่มประชุม กกต.ได้ขอประชุมลับก่อน โดย กกต.คนหนึ่งได้ยกประเด็นการบริหารงานภายในสำนักงานขึ้นอภิปรายทำนองตำหนินายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.ก่อนจะมีการทวงถามนายศุภชัยถึงข้อตกลงที่ได้เคยให้ไว้เมื่อครั้งได้รับการสรรหาให้เป็น กกต.ว่า หากได้รับเลือกเป็นประธาน กกต.ก็จะดำรงตำแหน่งเพียง 2 ปี ซึ่งขณะนี้พ้นระยะเวลาดังกล่าวมาแล้ว เหตุใดจึงยังไม่มีการดำเนินการตามที่ตกลงไว้

ซึ่งนายศุภชัยก็ได้ชี้แจงไปว่าไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง แต่ช่วงก่อนหน้านี้ กกต.จะต้องเตรียมการเรื่องการออกเสียงประชามติจึงอยากทำภารกิจสำคัญให้ลุล่วงก่อน รวมทั้งยังไม่ชัดเจนในข้อกฎหมายว่าหากตนเองลาออกจากตำแหน่งประธาน กกต.จะทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง กกต.ไปด้วยหรือไม่เพราะถ้าไปพิจารณาคำสั่งแต่งตั้งเป็นการแต่งตั้งประธานและกรรมการ ต่อมามีคำสั่ง คสช.ที่ 40/2559 ออกมาจึงเกรงว่าถ้าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรอาจเป็นการขัดคำสั่งได้ จากนั้นที่ประชุมก็มีการถกเถียงกันค่อนข้างรุนแรงโดยฝ่ายที่สนับสนุนให้มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธาน กกต.มี 3 เสียง ขณะที่อีก 1 เสียงไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะสนับสนุนนายศุภชัยชัดเจน แต่เห็นว่าประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องที่ตกลงกันของคน 3 คนก่อนรับตำแหน่ง กกต. ไม่สมควรต้องมานำเสนอเป็นเรื่องพูดคุยในห้องประชุม กกต.ที่ไว้สำหรับพิจารณาเรื่องที่ภารกิจงานของ กกต. ซึ่งการถกเถียงก็มีการยกการปฏิบัติงานของแต่ละฝ่ายมาโจมตีกันไปมาด้วย แต่ไม่ได้ข้อสรุปจนที่สุดต้องยุติการประชุมและนัดประชุมใหม่ในวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของพนักงานในเวลาต่อมาว่า “กกต.วงแตก”

ต่อมาเมื่อถึงวันประชุม 2 กันยายน ก่อนการประชุม พบว่า กกต.ฝ่ายที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธาน กกต.ได้มีการหารือกันที่ห้อง กกต.คนหนึ่ง และเมื่อเริ่มการประชุม ซึ่งก็มีผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานอยู่ในห้องประชุมจำนวนมาก กกต.คนเดิมก็ได้เสนอว่าอยากจะเสนอวาระพิจารณาเปลี่ยนแปลงประธาน กกต.ก่อน และชี้ว่าเหตุผลทางกฎหมายที่นายศุภชัย อ้างเป็นเหตุให้ต้องอยู่ตำแหน่งต่อไปนั้นไม่น่าจะใช่ เพราะการลาออกจากตำแหน่งประธาน กกต.ไม่ทำให้พ้นจากตำแหน่งกรรมการ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ปฏิบัติมาแล้วคราวนายชัช ชลวร ลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญก็ยังเป็นตุลาการฯจนปัจจุบัน และคำสั่ง คสช.ที่ 40/2559 ก็เป็นกรณีการห้ามสรรหาใหม่ จึงไม่มีผลหากนายศุภชัยจะลาออกจากตำแหน่งประธาน กกต. เพราะก็ยังเป็นกรรมการ ไม่ต้องมีเรื่องต้องสรรหาใหม่ แต่ก็มีการแย้งว่าตามกฎหมาย หรือระเบียบ กกต. ไม่ได้กำหนดไว้ให้ กกต.มีอำนาจพิจารณาเรื่องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธาน กกต. ท้ายที่สุดที่ประชุม กกต.เสียงข้างมากก็มอบให้สำนักงานมีหนังสือไปยัง คสช.เพื่อขอความชัดเจนดังกล่าว

Advertisement

อย่างไรก็ตามหลัง การประชุม กกต. กระแสความขัดแย้งที่เกิดขึ้นสร้างความหวั่นไหวให้กับพนักงาน กกต.เป็นอย่างมาก มีการตั้งประเด็นว่า อาจกลายเป็นโอกาสให้หัวหน้า คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เซตซีโร่ กกต.ทั้ง 5 คนก็เป็นได้ เพราะขณะนี้ กกต.เสร็จสิ้นภารกิจการจัดการออกเสียงประชามติแล้ว การยกร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญสำนักงานก็ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วและตามรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจเต็มของ กรธ. ขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญใหม่กำหนดให้มี กกต. 7 คน การไม่มี กกต.ในช่วงเวลาหนึ่งก็ไม่น่ามีปัญหา หรือถ้า คสช.แต่งตั้งมาใหม่ทั้ง 7 คนความแตกแยกที่เป็นอยู่ก็ยุติลง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image