จะมีการประชุมสภาฯ พิจารณากฎหมายสำคัญ 2 วาระด้วยกัน โดยในวันที่ 27-28 พฤษภาคม จะมีการพิจารณาพระราชกำหนดให้อํานาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. อันเป็น พ.ร.ก.เพื่อกู้เงิน 7 แสนล้านบาทมาใช้แก้ปัญหาผลกระทบจากการแพร่ระบาด จากนั้นวันที่ 31 พ.ค. ถึง 2 มิถุนายน จะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ที่กำลังเผชิญการแพร่ระบาด ทำให้มีปัญหาการประกอบอาชีพ การทำธุรกิจ
สำหรับ พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท ฝ่ายค้าน โดย น.ส. ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ทักท้วงว่า รัฐบาลเคยออก พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทมาแล้ว มีปัญหาการบริหาร นอกเหนือจากโครงการที่โอนเงินให้ประชาชนแล้ว โครงการอื่นๆ นั้นอนุมัติได้น้อย เบิกจ่ายล่าช้า ขอให้รัฐบาลปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานให้ดีขึ้น และยังระบุว่า เรื่องสำคัญอย่างนี้ น่าจะมีการชี้แจงรายละเอียดต่อประชาชนในทุกขั้นตอน ส่วนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า กระทรวงกลาโหมได้งบ 2 แสนกว่าล้านบาท ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขได้งบเพียง 1.5 แสนล้านบาท แถมงบกลาโหมยังไปซ่อนอยู่ โดยรัฐบาลอนุมัติงบเงินกู้ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้กับกองทัพเรือ ประมาณ 1.6 หมื่นล้าน เพื่อเอาไปสร้างทางวิ่งและลานจอดศูนย์บำรุงอากาศยาน
เบื้องหน้าสถานการณ์ยุ่งยากของโควิดระลอกที่สาม ที่ไวรัสสายพันธุ์ร้ายแรง อย่างอินเดียและแอฟริกาใต้ ได้เข้ามาในประเทศไทยแล้ว ขณะที่วัคซีนที่จะใช้สร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน และสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ทั้งสังคม ยังขาดแคลน มีไม่เพียงพอ รัฐบาลจำเป็นต้องใช้งบประมาณ เพื่อดูแลประชาชน รักษาศักยภาพของระบบสาธารณสุข ด้วยจำนวนเงินที่มาก และสถานะการเงินของประเทศ ยิ่งจำเป็นมากที่จะต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างเข้มงวดของสภา เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์จากงบประมาณอย่างคุ้มค่า ตรงตามความต้องการและความจำเป็น และใช้อย่างถูกกาลเทศะ การประชุมสภาทั้ง 2 วาระ จึงเป็นโอกาสที่รัฐบาล จะได้ชี้แจงให้เกิดความกระจ่าง และเป็นโอกาสได้ปรับแนวทางการใช้งบให้เหมาะสมมากขึ้น
