นับวัน “ข้อเสนอ” อันมาจาก นายเสรี สุวรรณภานนท์ กับ นายวันชัย สอนศิริ จะเพิ่ม “ความขลัง”
แม้ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ยังไม่ออกมา “ขานรับ”
แม้ นายวิษณุ เครืองาม ยังปล่อยโวหารในลักษณะ “ลัดเลียบ” ริมห้วย
แต่เมื่อ นายวิทยา แก้วภราดัย ปรากฎตัว
“ความเห็นที่ว่าให้กระทรวงมหาดไทยจัดการเลือกตั้งแทนกกต. และให้คสช.ช่วยคุมการเลือกตั้ง ทั้ง 2 เรื่องนี้ผมเสนอมาตั้งแต่แรกแล้ว”
“เสียง”ของ นายเสรี สุวรรณภานนท์ ก็เริ่ม”ไพเราะ”
การเคลื่อนไหวอย่างยืนหยัดใน “แนวทาง” ของ นายวันชัย สอนศิริ ก็เริ่ม “น่ารัก”
“น้ำหนัก” จึงมาจากการยืนหยัดอย่างจริงจังโดย นายวิทยา แก้วภราดัย
คนๆนี้คือ “ตัวจริง เสียงจริง” จาก “กปปส.”
อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นายวิทยา แก้วภราดัย มีสถานะอย่างไรอยู่ในสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.)
เขาเป็น “กรรมาธิการ”
เป็นกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง
เป็นเพียง”กรรมาธิการ” มิใช่ “ประธาน”
แต่เมื่อข้อเสนอในเรื่องบทบาทของ “กระทรวงมหาดไทย” บทบาทของ “คสช.”มาจากสมองก้อนโตของ นายวิทยา แก้วภราดัย
จำเป็นที่ นายเสรี สุวรรณภานนท์ จะต้อง”ล้างหู”น้อมรับ
จำเป็นที่ นายวันชัย สอนศิริ จะต้อง “ขยายผล” และออกมาปกป้อง
เพราะ”เสียง”ของ นายวิทยา แก้วภราดัย สำคัญ
เท่ากับเป็นเสียงอันมาจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส.
ชัดและเคลียร์
ทำไม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จึงต้องออกมาเชียร์”ร่างรัฐธรรม นูญ” ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน
กระทั่งผ่าน “ประชามติ”ในวันที่ 7 สิงหาคม
แม้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาประกาศ “ไม่รับ”ร่างรัฐธรรมนูญ
แต่ นายวิทยา แก้วภราดัย ก็”ยืนหยัด”
ยืนหยัดในแนวทางเดียวกันกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นั่นก็คือ “ยอมรบ” ร่างรัฐธรรมนูญ
แม้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ที่สุดร่างรัฐธรรมนูญก็ผ่าน”ประชามติ”
เห็นหรือไม่ว่าเสียงของ นายวิทยา แก้วภราดัย มีความหมาย