สภาพความสัมพันธ์และการดำรงอยู่ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพรรคร่วมรัฐบาลที่สำคัญ อย่างพรรคภูมิใจไทย อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ดำเนินไปเหมือนสำนวนไทยโบราณที่ว่า
เป็นความสัมพันธ์และการดำรงอยู่ที่ดำเนินไปในแบบ ”ไฟสุมขอน” รอวันที่จะลุกโพลง
หากฟังคำอภิปรายระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ไม่ว่าจะจาก นายชาดา ไทยเศรษฐ์ จะสัมผัสได้ ยิ่งจาก นายศุภชัย ไทยสมุทร ยิ่งแจ่มชัดในเจตนาการและเป้าหมาย
ขณะเดียวกัน ภายในพรรคประชาธิปัตย์อาจไม่ดุเดือดและรุน แรงเท่า แต่พลันที่มีการเผยแพร่คำสัมภาษณ์เชิงคาดหมายที่ว่า จะมีการยุบสภาภายในเดือนธันวาคมการเมืองก็ร้อนระอุ
เพราะคนกล่าวคือ นายสาธิต ปิตุเตชะ ซึ่งนอกจากเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขแล้ว
ยังเป็น ”รองหัวหน้าพรรค” จากพื้นที่ภาคกลางของพรรค
สัญญาณเหล่านี้อาจถูกกลบจาก 264 เสียงที่ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ แต่ก็ดำเนินไปเหมือนกับ ”คำเตือน” ในทางการเมือง
ห้วงเวลาที่ส่อแนวโน้มยุบสภาในเดือนธันวาคมนั้นบ่งชี้ว่า 1 มีการผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 อันจะเป็น ”เครื่องมือ” สำคัญของรัฐบาล
คำว่ารัฐบาลในที่นี้มิได้หมายเพียง 1 พรรคพลังประชารัฐ หากแต่ยังครอบคลุมถึง 1 พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์
แม้เสียงเตือนจาก นายสาธิต ปิตุเตชะ จะเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นการเลือกตั้งก่อนการยุบสภา แต่ก็มีความ หวังน้อยอย่างยิ่งว่า พรรคพลังประชารัฐและ 250 ส.ว.จะคล้อยตาม
มีความเป็นไปได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะยังรักษาความได้เปรียบจากกลไกของรัฐธรรมนูญ
เพื่อสร้างความมั่นใจในการสืบทอด ”อำนาจ” อีกต่อไป
จากนี้จึงควรจับตาไปยังการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคพลังประชารัฐ กับการทะยานขึ้นมาของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กับการเติบใหญ่ของพรรคสาขาอันตระเตรียมเอาไว้ในความพร้อม
เสริมความพร้อมให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ขณะที่การขับเคลื่อนของพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ก็จะดำเนินไปด้วยความเข้มข้นคึกคัก
โหมกระแส ”ไฟ” ที่ดำรงอยู่ในลักษณะ ”สุมขอน” ให้ลุกโพลง