‘อาคม’ แจงเหตุขอกู้ 5 แสนล้าน เยียวยาฟื้น ศก.จากโควิด ยันภาระหนี้ ไม่เกินเพดานสากล

“อาคม” แจงเหตุขอกู้เงิน 5 แสนล้านบาท ช่วยเยียวยา ฟื้นฟูเศรษฐกิจผลกระทบโควิด การันตีภาระหนี้ ไม่เกินเพดานสากล ยัน รัฐยึดความรอบคอบ ตามกรอบวินัยการเงินการคลัง

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 9 มิถุนายน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน วาระพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 วงเงิน 5 แสนล้านบาท ทั้งนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้แก้ไขสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19มาต่อเนื่องผ่านแหล่งเงินภายใต้กรอบกฎหมายที่มีอยู่ ทั้งการจัดสรรงบกลาง พ.ร.ก.กู้เงินฯ แต่พบว่า ยังไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาการระบาดในระลอกใหม่ได้ อีกทั้งเงินทุนสำรองจ่ายที่เหลืออยู่ มีไม่เพียงพอ ขณะที่การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี2564 นั้น รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ปี2564 มีข้อจำกัดและได้รับผลกระทบจากการระบาดจากเชื้อโควิด-19 หากจะรอแหล่งเงินจากงบประมาณปี 2565 จะไม่ทันต่อการแก้ไขปัญหาการระบาดระลอกใหม่ที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ผู้ประกอบการ ดังนั้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว รัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ไขสถานการณ์และหยุดยั้งการแพร่ระบาดเชื้อโควิด ซึ่งงบประมาณดังกล่าวไม่อาจดำเนินการให้ได้มาโดยวิธีงบประมาณปกติ จึงเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีจำเป็นเร่งด่วน มิอาจหลีกเลี่ยงได้ เป็นทางเลือกสุดท้ายของรัฐบาลในการตราพ.ร.ก.ฉบับนี้

นายอาคม กล่าวอีกว่า สำหรับพ.ร.ก.กู้เงินฉบับนี้ มีสาระสำคัญสรุป คือ การให้อำนาจกระทรวงการคลังมีอำนาจกู้เงินบาทหรือเงินตราต่างประเทศในวงเงินไม่เกิน 5แสนล้านบาท โดยต้องลงนามในสัญญากู้เงิน หรือออกตราสารหนี้ ภายในวันที่ 30 กันยายน 65 เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายใน 3 แผนงานคือ 1.แผนงานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาการระบาดเชื้อโควิด-19 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยารักษาโรค วัคซีน วงเงิน3หมื่นล้านบาท 2.แผนงานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชย แก่ประชาชนทุกสาขาอาชีพ วงเงิน 3 แสนล้านบาท 3.แผนงานหรือโครงการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 วงเงิน 1.7 แสนล้านบาท

“การตราพ.ร.ก.ฉบับนี้ รัฐบาลตระหนักถึงวินัยการเงินการคลังของประเทศ ความคุ้มค่า และความโปร่งใสในการใช้จ่ายเงินกู้ จึงมีการกำหนดกรอบการใช้เงินที่สอดคล้องกับกฎหมายวินัยการเงินการคลังอย่างรอบคอบรัดกุม รัฐบาลไทยและรัฐบาลทุกประเทศทั่วโลกได้กู้เงินเพื่อแก้ปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทำให้สิ้นปี2564 ระดับหนี้ภาครัฐบาลของโลก คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 92 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือ2,760 ล้านล้านบาท ” รมว.คลัง กล่าว

นายอาคม กล่าวด้วยว่า ตัวเลขหนี้ของไทย สิ้นเดือนเมษายน 2564 อยู่ที่ร้อยละ 50.69 ต่อจีดีพี ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเปรียบเทียบกรอบเพดานตามนิยามสากล โดยระดับหนี้สาธารณะที่เหมาะสมของแต่ละประเทศ ไม่มีระดับตายตัว ขึ้นอยู่กับบริบทและปัจจัยที่แตกต่างกัน ดังนั้นการกู้เงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลมีเจตนาเพื่อให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้ ทั้งนี้ การก่อหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น กระทรวงการคลังจะกระทำด้วยความรอบคอบ อยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีแหล่งเงินเพื่อเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข ช่วยเหลือเยียวยาและชดเชยประชาชนตลอดจนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ด้วยเหตุนี้จึงต้องตราพ.ร.ก.ฉบับนี้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image