หอค้าถก ‘สุพัฒนพงษ์’ วันนี้ ขอปลดล็อก 3 เรื่อง เพิ่มคนละครึ่งเป็น 6 พันบาทช่วยศก.ฟื้นเร็ว

คณะกรรมการหอการค้าไทยจะประชุมกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูธุรกิจและเศรษฐกิจไทยในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และหลังการแพร่ระบาดคลี่คลายในวันที่ 10 มิถุนายนนี้

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในวันที่ 10 มิถุนายน คณะกรรมการหอการค้าไทยจะประชุมระบบทางไกลกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูธุรกิจและเศรษฐกิจไทยในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และหลังการแพร่ระบาดคลี่คลายลง

ทั้งนี้ หอการค้าไทยได้เตรียมประเด็นหารือถืงภารกิจเร่งด่วนของหอการค้าไทยไว้ 3 เรื่อง คือ 1.การเร่งกระจายและฉีดวัคซีน 2.เร่งรัดมาตรการช่วยเหลือภาคเอกชนโดยเฉพาะเอสเอ็มอี ซึ่งได้รวบรวมปัญหาและข้อเสนอผู้ประกอบการว่าธุรกิจนั้นๆ ต้องการอะไร ที่ส่วนใหญ่ยังประสบปัญหาเรื่องรายได้ต่ำกว่าปกติและเริ่มขาดสภาพคล่อง รวมถึงหารือลดอุปสรรคต่อการเข้าถึงมาตรการรัฐ ทั้งการเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) การพักทรัพย์พักหนี้ เป็นต้น ขอให้เพิ่มเติมมาตรการช่วยเหลือภาคประชาชน เช่น การเพิ่มวงเงินมาตรการเยียวยาลดค่าครองชีพ เช่น คนละครึ่ง ควรเพิ่มจาก 3,000 บาท เป็น 6,000 บาท ฟื้นมาตรการช้อปดีมีคืนและเราเที่ยวด้วยกัน 3.แก้กฎระเบียบหรือปรับหลักเกณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เช่น การอนุมัติช่วงเวลาที่ให้ต่างชาติเข้ามาพำนักหรือทำงานในไทย ขณะที่หลายอุตสาหกรรมก็จะเสนอแนวทางให้รัฐบาลช่วยปลดล็อกกฎระเบียบต่างๆ

“หลายเรื่องที่ยังเป็นปัญหาติดขัด ก็จะหารือและคุยกันว่าอะไรที่จะปลดล็อกหรือปรับแก้ได้บาง เราคงมีการยกตัวอย่างเรื่องการจับคู่ปล่อยเงินกู้ของธนาคารกับร้านค้าปลีก เราเห็นว่ามาตรการรัฐหรืองบประมาณที่รัฐเตรียมช่วยเหลือเป็นสิ่งที่ดี แต่เอกชนก็ยังไม่ได้เข้าถึงเท่าที่ควร คงต้องมาดูว่าอะไรที่จะร่วมกันผลักดันให้เร็วที่สุด เพื่อให้นำไปปฏิบัติได้จริงมากขึ้น ส่วนจะคืบหน้าอย่างต้องมีการหารือกันก่อน” นายสนั่นกล่าว

Advertisement

ขณะที่ นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประจำเดือนมิถุนายน 2564 ในรูปแบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ว่า การจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้เร็วขึ้นเป็นไตรมาส 4/2564 ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2564 จากที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ช่วงไตรมาส 1/2565 หรือเดือนมกราคม-มีนาคม 2565 ได้นั้น กกร.อยากขอให้รัฐบาลดำเนินการ 1.เร่งฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมายและบริหารจัดการมาตรการควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากเริ่มต้นได้ดีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ไปพร้อมกับการเร่งออกแผนสนับสนุนการท่องเที่ยวตามรูปแบบของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีน และทยอยขยายขอบเขตไปยังจังหวัดท่องเที่ยวอื่นต่อไป

นายผยงกล่าวว่า 2.ขอให้รัฐบาลเพิ่มมาตรการช่วยเหลือด้านกำลังซื้อภาคประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่ง ให้เข้ามาพยุงกำลังซื้อในประเทศ โดยพิจารณาเพิ่มวงเงินสนับสนุนการใช้จ่ายจาก 3,000 บาท เป็น 6,000 บาท ซึ่งจะช่วยให้มีเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจาก 9 หมื่นล้านบาท เป็น 1.8 แสนล้านบาท เมื่อรวมเม็ดเงินของประชาชนที่นำออกมาใช้จ่ายคู่กับเม็ดเงินจากโครงการคนละครึ่ง จะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นเร็วขึ้น และ 3.พิจารณาแนวทางมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้ (อี-เวาเชอร์) ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นจะช่วยผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มให้มีความคล่องตัวมากขึ้น และทำให้ผู้บริโภคนำเงินที่ได้มาใช้จ่ายสำหรับซื้อสินค้าและบริการ

“การเสนอเพิ่มเงินคนละครึ่ง เป็น 6,000 บาท แม้ กกร.จะเสนอมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ถือว่าจำเป็นอย่างมาก เพราะผลของมาตรการบ่งชี้ว่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาฟื้นตัวเร็วขึ้นในปลายปีแน่นอน ซึ่ง กกร.จะประสานกับรัฐบาลให้พิจารณาความจำเป็นและประโยชน์ของการเพิ่มเงินนี้” นายผยงกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image