คลังยันใช้เงินกู้อย่างรอบคอบ แจงแหล่งที่มาเงินใช้หนี้ ชี้ไม่เป็นภาระเพิ่มเติมงบประมาณ

คลังยันเงินทุกเม็ดเงิน ทำด้วยความรอบคอบ ขณะที่แหล่งที่มาเงินใช้ชำระหนี้ ไม่เป็นภาระงบประมาณ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 มิถุนายน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดต่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ต่อเป็นวันที่ 2

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาในปี 63 ช่วงการระบาดของโควิด – 19 รัฐบาลมีมาตรการต่างๆ และเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นก็ได้ออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน เพื่อให้การบริโภคภายในประเทศไม่หยุดชะงัก ซึ่งจุดประสงค์ในการใช้เงินก้อนนี้ เพื่อต้องการออกมาตรการต่างๆ ให้ตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยจะรับข้อสังเกตของสมาชิกไปดำเนินการและปรับปรุง ทุกความเห็น และข้อเสนอแนะเป็นประโยชน์ต่อกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ยืนยันว่าทุกเม็ดเงินเราจะทำด้วยความรอบคอบ จะติดตามสถานการณ์ตลาดเงิน ตลาดทุน ทั้งภายใน และภายนอกประเทศ เพื่อให้การบริหารหนี้สาธารณะมีความเหมาะสมและดีที่สุดสำหรับประเทศ

ขณะที่ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินโควิด – 19 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ที่เคยออกไปก่อนหน้านี้ รัฐบาลนำไปใช้เยียวยาฟื้นฟู ซึ่งขณะนั้นธนาคารโลกประเมินเศรษฐกิจของประเทศไทยช่วงเดือนมิ.ย.63 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเราจะติดลบ 8.3% ส่วนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่าเราจะติดลบ 7.7% แต่เมื่อผ่านพ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาท ทำให้ไทยติดลบ 1.1% ซึ่งดีกว่าที่ธนาคารโลกคาดการณ์ไว้ แสดงให้เห็นว่าการผ่านพ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาท ในตอนนั้นเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยจริงๆ

Advertisement

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของหนี้สาธารณะตัวเลขปัจจุบันขณะนี้ จำนวน 8.5 ล้านล้าน หรือประมาณ 54% ถ้าเราคาดการณ์รวมไปถึงการกู้ขาดดุล หรือพ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ในสิ้นปีงบประมาณนี้หนี้สาธารณะก็ยังไม่เกิน 60% เราคาดการณ์ไว้ 58 – 59% เท่านั้น และเรามีคณะกรรมการการเงิน การคลัง ภาครัฐ ทำหน้าที่พิจารณากรอบ 60% ในอนาคต

นายกฤษฎากล่าวต่อว่า ทั้งนี้ หนี้สาธารณะของเราจะเป็นหนี้ที่รัฐบาลไม่ได้รับผิดชอบตรงๆ เพราะมีแหล่งเงินมาคืนที่ชัดเจนอยู่แล้ว โดยในสัดส่วนของกองทุนฟื้นฟูที่เป็นหนี้มาตั้งแต่ปี 40 วันนี้เหลือเงินต้น 7 แสนล้านบาท แหล่งที่มาของเงินที่นำมาใช้หนี้ คือเงินที่เราไปเก็บจากเงินฝากที่สถาบันการเงินให้มา เราเก็บได้มาทุกปีก็เอาไปชำระหนี้ส่วนนี้ โดยที่ไม่ได้เอางบประมาณมาชำระหนี้เงินกู้ 7 แสนล้านบาท อีกส่วนคือหนี้รัฐวิสาหกิจบางประเภท ที่มีความสามารถในการชำระคืนได้เองอยู่แล้ว ประมาณ 3 แสนล้าน ดังนั้น หนี้ตรงนี้ประมาณ 1 ล้านล้านบาท จึงไม่ได้เป็นภาระเพิ่มเติมกับงบประมาณ

ทั้งนี้ ภายหลัง นพ.ชลน่านอภิปรายปิด นายอาคม และนายกฤษฎาชี้แจงเสร็จเรียบร้อย เวลา 10.35 น. ที่ประชุมได้ลงมติอนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ด้วยคะแนน 270 ต่อ 196 งดออกเสียง 1 ไม่ออกเสียง 2 เสียง

Advertisement

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image