‘ประยุทธ์’ ขออภัยเลื่อนฉีดวัคซีน รับในฐานะ ผบ.สส.ในสงครามโควิด จะแก้ปัญหานี้ทั้งหมด

“บิ๊กตู่” ยอมขออภัย “ลั่น” ในฐานะผู้บัญชาสูงสุดในสงครามโควิดพร้อมรับผิดชอบปัญหาที่เกิดขึ้น “รับ” ไม่สบายใจต้องเลื่อนฉีดวัคซีน “ชี้” ฉีดเต็มอำนาจวัคซีนหมดก็ต้องหยุด พร้อมฉีดทันทีที่ได้เพิ่ม ตั้งเป้าฉีดวัคซีน 80-90% ในปี 65 ยันทุกหน่วยงานแบ่งหน้าที่รับผิดชอบไม่ได้ยึดอำนาจคนเดียว

เมื่อเวลา 12.50 น.วันที่ 15 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ปัจจุบันกระจายวัคซีนไปแล้ว 7 ล้านโดส มีการฉีดวัคซันแล้ว 6.5 ล้านโดส โดยตั้งแต่คิกออฟ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา ฉีดไปแล้ว 2 ล้านโดส ในเวลา 1 สัปดาห์ ถือเป็นขีดความสามารถของเรา ถ้าวัคซีนเข้ามามากกว่านี้ก็จะฉีดได้มากกว่านี้ตามระยะเวลาที่กำหนด ต้องขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ จิตอาสา ในการดูแลอำนวยความสะดวกที่ได้รับการชมเชยจากประชาชน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการจัดสรรวัคซีนไปยังจุดบริการทั่วประเทศอย่างทั่วถึง และพอเพียง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ส่วนที่มีการรับฟังจากข่าว หรือการประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนจากโรงพยาบาลต่างๆ อาจทำให้เกิดความไม่สบายใจ และเข้าใจว่า ภาครัฐจัดสรรวัคซีนไม่เพียงพอ หรือไม่มีการประสานงานกันนั้น ตนรับทราบข่าวนี้มาตลอด และไม่สบายใจ ยืนยันว่า พยายามแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวัน และสั่งการไปยังผู้รับผิดชอบ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดและสบายใจขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญก็อยู่ที่ปริมาณวัคซีนที่ทยอยเข้ามาต้องมีความสมดุลกับขีดความสามารถในการฉีดวัคซีนในแต่ละวัน ระยะเวลาที่ให้ไป จะต้องฉีดภายในกี่วัน ถ้าเราฉีดเต็มอำนาจไปเลยวัคซีนหมดก็ต้องหยุด นั่นคือข้อเท็จจริง ถ้ามีวัคซีนมากก็พร้อมจะให้ทั้งที่ให้ไปแล้ว และเพิ่มให้ ซึ่งต้องมีการบริหารจัดการที่ดีขึ้นในวาระต่อไป อย่างไรก็ตาม ภาพรวมในการดำเนินการตามวาระแห่งชาติในการฉีดวัคซีนนั้น แต่ละหน่วยงานมีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ ไม่ใช่ตนไปยึดอำนาจไว้คนเดียว ขณะเดียวกันย้ำว่า วัคซีนมาเป็นรอบ ไม่ใช่มาครั้งเดียว 6 หรือ 10 ล้านโดสตั้งแต่ต้นเดือน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทั้งนี้ หลักการ หรือสูตรที่ใช้จัดสรรวัคซีนที่ได้สั่งการไปมีดังนี้ 1.เมื่อมีวัคซีนมากระทรวงสาธารณสุขตรวจสอบแล้วต้องส่งให้กับทุกจังหวัดทันที จะไม่มีจังหวัดใดไม่ได้เพิ่มเติมในแต่ละรอบ ซึ่งในอนาคตอาจยกเว้นจังหวัดที่ได้ครบเป้าหมายแล้วหรือจังหวัดที่ ศบค.พิจารณาว่า ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดด้วย 2.จำนวนวัคซีนที่ส่งให้กับแต่ละจังหวัดขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆที่ต้องนำมาคำนวณด้วย ทั้งจำนวนประชากร จำนวนผู้ติดเชื้อ จำนวนผู้จองในระบบ ทั้งในระบบและพร้อมและระบบของจังหวัด รวมถึงกลุ่มเฉพาะกลุ่มอาชีพเสี่ยงหรือพื้นที่เศรษฐกิจ

Advertisement

3.หากจำนวนวัคซีนที่ได้คำนวณแล้วไม่เพียงพอต่อการฉีดในระยะเวลาภายในรอบนั้น ให้แต่ละจังหวัดพิจารณาจัดสรรให้กับกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มโรคเสี่ยงที่ลงทะเบียนไว้ก่อนแล้ว และ 4.หากมีความจำเป็นที่ต้องชะลอการฉีดวัคซีนตามกำหนดเดิมระหว่างรอการนำส่งวัคซีนต้องยึดลำดับเดิมไว้ก่อน โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ และจัดการฉีดตามลำดับเดิมทันทีที่ได้รับการจัดสรร จึงขอให้เข้าใจตรงกัน และดำเนินการตามนี้ เพราะเป็นที่มติที่ประชุมร่วมกันในการบริหารจัดการวัคซีน

“ในฐานะที่ผมเป็นนายกฯ และ ผอ.ศบค.ถือเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในสงครามโควิดในครั้งนี้ ต้องขออภัยด้วยกับปัญหาที่เกิดขึ้น และขอรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาทั้งหมด ซึ่งผมก็ดำเนินการอย่างต่อเนื่องทุกวันทุกเวลาอยู่แล้ว เพราะนี่คือวาระแห่งชาติที่ผมประกาศออกไป เราต้องร่วมใจกันทุกฝ่ายให้บรรลุผลสำเร็จ เพื่ออนาคตของประเทศชาติ ปัญหาอุปสรรคอาจเกิดขึ้นได้ตลอด โดยเฉพาะในระยะแรกทั่วโลกวัคซีนยังมีจำกัดและกระทบต่อการจัดการ แต่จากการวางแผนของรัฐบาลที่มาอย่างต่อเนื่องการจัดหาวัคซีนล่วงหน้าทำให้เรามั่นใจว่า จะได้รับวัคซีนอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ จากหลายๆแหล่ง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนขอย้ำว่า รัฐบาลได้จัดหาวัคซีนอย่างเพียงพอต่อคนในประเทศไทยทุกคน และขณะนี้จัดหาวัคซีนเป็นไปตามเป้าหมาย 100 ล้านโดส เพื่อฉีดให้ประชาชน 50 ล้านคน 70% ของประเทศในสิ้นปีนี้และเตรียมการปีหน้าด้วย ซึ่งหากได้วัคซีนมาเพิ่มก็จะฉีดวัคซีนเพิ่มไปให้เป็น 80%-90% เพราะ เรามีขีดความสามารถในการฉีดอยู่แล้ว จึงขอให้ติดตาม และช่วยกัน ถ้าเราพูดจากันไม่ดี เจ้าหน้าที่คนหน้างานอีกหลายหมื่นคนก็เกิดความท้อแท้ และหมดกำลังใจเหมือนกัน จึงต้องประสานงานกันให้ได้ทั้งระดับบน กลาง และล่าง พร้อมทำความเข้าใจประชาชนด้วย อีกทั้งขอร้องสื่อทุกประเภทด้วย

Advertisement

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้ำว่า การบริหารจัดการวัคซีนเป็นไปอย่างโปร่งใสในการทุจริตโดยเด็ดขาด และเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ด้วยศักยภาพและความทุ่มเทของบุคลากรในการจัดการควบคุมการแพร่ระบาดและการฉีดวัคซีน เราจะต้องชนะสงครามโควิดครั้งนี้ไปด้วยกัน และขอเน้นย้ำว่า ตน รัฐบาลและ ครม.ทุกคนมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะที่ยังไม่พ้นวิกฤตโควิด-19 และที่ผ่านมาเราทำอย่างดีแต่ต้องดูทุกอย่างให้สมดุลทั้งสุขภาพ ประชาชน และการเตรียมการในอนาคตควบคู่กัน หยุดด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ ถือว่าที่ผ่านมาเราทำได้ดีอันดับต้นๆ ของโลก นอกจากนี้ กำชับเรื่องทุจริต ละเว้นใครไม่ได้อยู่แล้ว

ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image