‘นิพิฏฐ์’ รับรู้สึกแปร่งๆ ฟังหมอๆ พูดเรื่องวัคซีน แล้วเหมือนคนไม่ค่อยลงรอยกัน

‘นิพิฏฐ์’ รับ ฟังหมอพูดเรื่องวัคซีนแล้วแปร่งๆ คำอธิบาย เหมือนคนไม่ค่อยลงรอยกัน 

วันนี้ (19 มิ.ย.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อเขียน เรื่อง อ่าน “ฝอยวัคซีน” ให้หน่อย เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า

“ผมว่า ระยะหลังคำอธิบายเรื่องวัคซีนของบรรดาหมอๆ ทั้งหลาย เริ่มแปร่งๆ และไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ เช่น

1.ระยะห่างจากการฉีดเข็มแรก กับ เข็มที่สอง ควรห่างกันเท่าไหร่ เริ่มแปร่งๆ แล้ว เช่น แอสตร้าเซนเนก้า ตอนแรกก็บอกว่า ควรห่างกัน 4-12 สัปดาห์ ตอนหลังนี่มาเปลี่ยนเป็น 16 สัปดาห์ มาวันสองวันนี้ เริ่มแปร่งๆเป็น 12 สัปดาห์อีกแล้ว เพื่อนผมที่เป็นหมอก็พูดตรงกันเกือบทุกคนว่า ไม่ควรเกิน 12 สัปดาห์ ความจริงเรื่องนี้ ถ้าพูดเป็นภาษาชาวบ้าน คือ ให้อ่านใน “ฝอย” (ฝอย: ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานแปลว่า คำอธิบายการใช้ยาหรือเวทมนต์ต่างๆ) ก็คืออ่านในวิธีการใช้วัคซีนของผู้ผลิต ถ้าจำเป็นต้องยืดออกไป เพราะวัคซีนไม่พอ หรือมาไม่ทันก็ให้บอกความจริง ผมว่าประชาชนรับได้นะ แต่หากการยืดออกไปทำให้ประสิทธิภาพของการป้องกันลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ผมว่าอันนี้ต้องทบทวน ขนาดยาหม่องตราลิงถือลูกท้อ ก็ยังเขียนไว้ข้างกล่องว่าให้ถูทาที่ขมับ ห้ามนำไปถูที่อื่น ผมเป็นคนขี้สงสัย ก็ไปค้นมา ปรากฏว่า แอสตร้าเซนเนก้า เขาระบุการใช้ไว้แล้วว่า เข็มแรกกับเข็มสอง ควรห่างกัน 4-12 สัปดาห์ แต่เรามายืดเป็น 16 สัปดาห์ นี่แสดงว่าเรารู้มากกว่าผู้ผลิตเสียอีก ขณะนี้วัคซีนเริ่มมีมากขึ้น และมีวัคซีนทางเลือกเข้ามาช่วย จึงควรมีการทบทวนระยะห่างจากเข็มแรกและเข็มสอง เป็นไม่เกิน 12 สัปดาห์

2.อีกเรื่องหนึ่ง อันนี้ผมคิดเอาเองนะ ว่าน่าจะมีการฉีดเข็มที่ 3 เพราะดูเหมือนจะเห็นตรงกันแล้วว่า เชื้อโรค “กลายพันธุ์” ไปเรื่อย วัคซีนที่มีอยู่น่าจะรับมือการกลายพันธุ์ได้ไม่ดีพอ ผมว่า (อันนี้ก็คิดเอาเองอีก) ตอนนี้ ผู้ผลิตวัคซีนก็คงคร่ำเคร่งกับการผลิตวัคซีนตัวใหม่ เพื่อรองรับการกลายพันธุ์ของไวรัสอยู่ หากผลิตขึ้นได้ เราก็คงต้องหาซื้อวัคซีนตัวที่ 3 มาฉีดกันใหม่ ก็อยากให้รัฐบาลเล็งๆ วัคซีนเข็มที่ 3 ไว้บ้างว่ามีบริษัทไหนที่น่าจะผลิตได้เร็ว ก็เล็งๆ จีบๆ เอาไว้

Advertisement

3.การระบาดในเด็ก ระยะหลังนี่ เริ่มเห็นการระบาดในเด็กแล้วนะครับ หมอๆ ทั้งหลาย ก็น่าจะเตรียมป้องกันและเล็งๆ วัคซีนสำหรับเด็กไว้บ้าง เพราะการระบาดในเด็ก การป้องกันและการรักษา น่าจะยากกว่าการป้องกันและการรักษาที่เกิดในผู้ใหญ่ ผมว่าน่าจะดูเรื่องนี้อย่างจริงจังให้มากขึ้น ตอนนี้ ดูเหมือนจะห่วงคนแก่กันมากกว่าห่วงเด็ก

(*ความจริงเรื่องเหล่านี้ กระทรวงสาธารณสุขก็น่าจะเตรียมการไว้แล้ว แต่ก็ถือว่า เป็นการสะท้อนความห่วงใยของประชาชนก็แล้วกัน)
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image