09.00 INDEX ก้าวปรับครม. คือ วาระการเมือง รองรับ เลขาธิการ พลังประชารัฐ
คำถามที่ตามมาหลังการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 พรรคพลังประชารัฐ ภายหลังการเข้าดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรค ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็คือ จะปรับครม.เมื่อไหร่ อย่างไร
นี่มิได้มีบทเรียนเพียงจากกรณีของ นายอุตตม สาวนายน กรณีของ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ กรณีของ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เท่านั้น
หากมาจากสถานะของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในตำแหน่งเลขาธิการพรรค
เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เพราะเมื่อ เปรียบเทียบกับเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มีความจำเป็นที่ตำแหน่งเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐจะต้องสมน้ำสมเนื้อกัน
เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยมี ส.ส.เพียง 61 คน เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์มีส.ส.เพียง 51 คน
ในขณะที่พรรคพลังประชารัฐมีส.ส.มากถึง 126 คน
การให้เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐดำรงตำแหน่งเป็นเพียง รัฐมนตรีช่วยว่าการย่อมไม่เหมาะสมอย่างเด่นชัด
หากเริ่มต้นจากความเป็นจริงผ่านโครงสร้างของครม.ก็จะสัมผัสได้ในความลักลั่นและดำรงอยู่อย่างไม่เหมาะสมของตำแหน่งทางการ เมืองเมื่อเปรียบเทียบกับตำแหน่งของเลขาธิการพรรคใหญ่ด้วยกัน
เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถือว่าเป็นกระ ทรวงเกรด เอ เหมาะอย่างยิ่งกับฐานานุรูปของเลขาธิการพรรค
ตำแหน่งรัฐมนตรีของเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เบื้องต้นยึดกระทรวงพลังงาน ต่อมายึดประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เด่นชัดว่าเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐไม่เพียงแต่มิได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ หากแต่ยังดำรงตำแหน่งเพียงรัฐมนตรีช่วยว่าการต่ำต้อยกว่าเลขาธิการพรรคภูมิใจ พรรคประชาธิปัตย์ ชัดเจน
จึงมีความจำเป็นที่หัวหน้ารัฐบาลจะต้องพิจารณา
ให้เกียรติพรรคพลังประชารัฐ ให้เกียรติเลขาธิการพรรคใหญ่
