‘เสรีรวมไทย’ เหน็บ ‘ไพบูลย์’ ส.ส.ปัดเศษ แต่ได้เป็นรองหัวหน้าพรรค อัด บัตร 2 ใบ ทำ ‘ประยุทธ์-ประวิตร’ อยู่ในอำนาจ
จากนั้นนายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายว่า ตนเห็นนายไพบูลย์ นิติวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อดีตพรรคน้อมนำคำสอนพระพุทธเจ้า หรือชื่อพรรคอะไรตนจำไม่ได้ จำได้แต่ว่าท่านเป็น ส.ส.ปัดเศษ 45,000 คะแนน แต่ตนมีคะแนน 82,000 คะแนน นายไพบูลย์แถลงว่าจะแก้ปัญหาเรื่อง ส.ส.ปัดเศษ ก็ดี ตนเห็นด้วย เพราะหนึ่งวิรัตน์จะเกือบเท่าสองไพบูลย์อยู่แล้ว เกือบจะซื้อหนึ่งแถมหนึ่งอยู่แล้ว ราคาอะไรจะถูกขนาดนั้น มาวันนี้ท่านบอกจะไม่เอาระบบสัดส่วน ส.ส.พึงมีไม่เห็นด้วยต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากระบบเลือกตั้งด้วยการใช้ ส.ส.ที่พึงมี ท่านมีเหตุผลอะไร ไม่ดีตรงไหน หากบอกว่าจะแก้ ส.ส.ปัดเศษก็ต้องแก้ตรงนี้ไม่ใช่แก้ทั้งระบบ และชนชั้นใดร่างกฎหมายก็เพื่อชนชั้นนั้น และไม่เชื่อว่าจะมาแก้กฎหมายเพื่อให้ตัวเองเสียเปรียบเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่ควรแก้คือท่านเป็นปาร์ตี้ลิสต์อันดับที่เท่าไหร่ และพรรคคะแนน 45,000 ยังยุบพรรคแล้วไปเป็นรองหัวหน้าพรรคนั่งติดกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตนเห็นผู้ใหญ่ในพรรคยืนมองตากันปริบๆ ถ้ารู้อย่างนี้ขอแนะนำให้ตั้งพรรคเองดีกว่าจะได้ต่อรองกันได้บ้าง
ทั้งนี้บรรยากาศเริ่มดุเดือดขึ้น เมื่อนายวิรัตน์อภิปรายด้วยลีลาเสียงดัง วิจารณ์การกลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบอย่างรุนแรง เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับ พล.อ.ประวิตร ต้องการทำเพื่อตัวเองให้กลับมาเป็นใหญ่ จากเดิมรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อกดไม่ให้พรรคเพื่อไทยกลับมาใหญ่ แต่ตอนนี้ต้องการแก้ไขเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์ ขอให้พรรคพลังประชารัฐถอนญัตติไป หากดันทุรังแก้ไข แล้วเลือกตั้งแพ้พรรคเพื่อไทยอีก อย่าไปแย่งจัดรัฐบาล ขอให้มียางอาย
ทำให้ ส.ส.พลังประชารัฐหลายคนพากันประท้วงว่า พูดพาดพิงไปถึง พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร แต่นายวิรัตน์ยังคงอภิปรายเสียดสีพาดพิงถึง พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรอยู่เป็นระยะๆ และการพูดแบบนี้ไม่ควรเป็นสมาชิกรัฐสภา ควรไปอยู่ข้างถนนดีกว่า จนนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ต้องตักเตือนบ่อยครั้ง เพื่อควบคุมการประชุมไม่ให้มีการประท้วงกันบ่อยๆ จนกระทั่งนายวิรัตน์อภิปรายจบ
