“สุทิน” เผยพอใจภาพรวมถกแก้รธน.วันแรก จ่อคุยพรรคร่วมฝ่ายค้านถึงแนวทางการลงมติ ชี้ ส.ว.ยังเป็นตัวชี้ขาดร่างผ่านไม่ผ่าน ยังหวังส.ว.ปิดสวิตช์ตัวเอง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 มิถุนายน ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ภาพรวมการประชุมในวันแรกถือว่าน่าพอใจ บรรยากาศการประชุมโดยรวมจากเดิมที่คาดหมายว่าจะมีการประท้วงกันหนักหน่วง แต่ปรากฏว่าการประชุมดำเนินไปได้อย่างเรียบร้อย แม้จะมีการประท้วงอยู่บ้าง แต่การอภิปรายทักท้วงก็เป็นไปอย่างเป็นเหตุเป็นผล ในส่วนของฝ่ายค้านวันนี้เหลือเวลา 2 ชั่วโมง จึงคิดว่าการอภิปรายจะจบได้ตามเวลาหรืออาจจบก่อนเวลา
เมื่อถามว่า มีการพูดคุยถึงแนวทางการลงมติกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า วันนี้ (24 มิถุนายน) เวลา 10.00 น. จะมีการประชุมร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้านก่อนลงมติ เรามีข้อตกลงถึงการลงมติว่าต้องเคารพซึ่งกันและกัน และจะไม่บังคับกัน แต่เชื่อว่าแนวทางการลงมติจะเป็นไปตามที่ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ลงชื่อไว้ในญัตติต่างๆ เบื้องต้นลงไว้อย่างไร การลงมติก็น่าจะเป็นไปตามนั้น
เมื่อถามถึงความคาดหวังต่อการลงมติมาตรา 272 ว่าเป็นอย่างไร นายสุทินกล่าวว่า มีเรื่องที่น่าติดตามเพราะ ส.ว.หลายคนแสดงออก ว่าจะยอมเสียสละ และเห็นด้วยที่จะตัดอำนาจตัวเอง ซึ่งต้องดูว่า ส.ว.ที่คิดเช่นนี้มีมากน้อยเท่าไหร่ เมื่อรวมกับ ส.ส.ก็น่าลุ้น แม้หลายคนมองว่าเป็นร่างที่ยากที่สุด แต่ตอนนี้ถือว่ามีความหวัง
เมื่อถามว่า หากเรื่องระบบเลือกตั้ง ผ่านเพียงฉบับเดียวพอใจหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า คงไม่พอใจ เพราะเราก็อยากให้ผ่านทุกฉบับ เนื่องจากได้กลั่นกรองแล้วว่ามีความจำเป็นที่ต้องแก้ไข
“วันนี้ยังขึ้นอยู่กับ ส.ว.ที่จะเป็นตัวชี้ขาด ซึ่งก็มีสัญญาณออกมาให้มีความหวังพอสมควร เชื่อว่าถ้าเขามีอิสระในการลงมติจริงก็จะมีความหวังมาก อย่างไรก็ตาม วันนี้เงื่อนเวลากับประเด็นหมดแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเราก็พยายามต่อ แต่โอกาสก็น้อยลงมากเหมือนเป็นรอบสุดท้าย” นายสุทินกล่าว
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่ผู้ชุมนุมจะมาชุมนุมที่บริเวณหน้ารัฐสภา นายสุทินกล่าวว่า ไม่กังวล และมองว่าเป็นความงดงามของประชาธิปไตย เพราะการพิจารณาวาระแบบนี้ถ้าไม่มีผู้ชุมนุมมาถือว่าผิดปกติ เราก็รับฟังสิ่งที่ผู้ชุมนุมพูด ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีการประทะกันเกิดขึ้น
