หากศึกษา “ลำดับ” ของสถานการณ์การก่อความไม่สงบในภาคใต้ในห้วงต้นเดือนกันยายน
จะ “สัมผัส” ได้ในลักษณะ “พิเศษ”
เช้าวันที่ 6 กันยายน เกิดเหตุระเบิดบริเวณหน้าร้านค้าตรงข้าม โรงเรียนบ้านตาบา ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส
เสียชีวิต 2 เป็นบิดาและบุตรอายุ 4 ขวบ
ตอนสายของวันเดียวกัน เกิดเหตุระเบิดเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยครู(ชป.รปภ.ครู)บริเวณศาลาที่พักอาศัยกลางทุ่งนาบ้านเตราะหัก ต.บ้านน้ำบ่อ อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี
อาสาสมัครทหารพรานบาดเจ็บ 1
ตอนบ่ายวันที่ 7 กันยายน ลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติ การรักษาความปลอดภัยครู(ชป.รปภ.ครู)บริเวณพื้นที่บ้านทุ่งโพธิ์ ต.ปูโละปูโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
ทหาร ร.2511 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี บาดเจ็บ 2
วันที่ 8 กันยายน วางระเบิดเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยครู(ชป.รปภ.ครู) ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โสร่ง บาดเจ็บ 1
วันเดียวกัน วางระเบิดตชด.ชุดลาดตระเวณปฏิบัติการรักษา ความปลอดภัยครู(ชป.รปภ.ครู)บนถนนสายพรุชิง-กระอาน ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา
อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบาดเจ็บ 1
จากวันที่ 6 ถึงวันที่ 9 กันยายน ไม่ว่าจะเป็นที่นราธิวาส ไม่ว่าจะเป็นที่ปัตตานี ไม่ว่าจะเป็นที่สงขลา
“เป้าหมาย” ล้วนอย่างเดียวกัน
นั่นก็คือ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยครู หรือ “ปช.รปภ.ครู”
ทั้ง 5 ปฏิบัติการส่งผลแตกต่างกัน
ส่วนใหญ่ให้ความสนใจไปยังเหตุระเบิดบริเวณหน้าโรงเรียนบ้านตานา นราธิวาส มากเป็นพิเศษ
เพราะว่ามีเด็กวัย 4 ขวบ นักเรียนอนุบาล เสียชีวิต
เรื่องนี้ “แกนนำ”ที่ให้ข่าวกับสำนักข่าว”เบนาร์นิวส์” ยืนยันว่า เป็นปฏิบัติการของ “บีอาร์เอ็น” และกรณีที่เด็กเสียชีวิตถือว่าเป็นเรื่อง
“สุดวิสัย”
กระนั้น จุดที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาดก็คือ ล้วนเป็นปฏิบัติการในพื้นที่ที่มากด้วยความอ่อนไหว
เป้าหมาย คือ ครู คือ โรงเรียน
ไม่ว่าจะเป็นปฏิบัติอันมาจากขบวนการ “บีอาร์เอ็น” ตามที่สำข่าวเบนาร์นิวส์ยืนยันหรือไม่
แต่ในแต่ละจุดมี “เป้าหมาย”เดียวกัน
เป็นไปได้หรือไม่ว่ากองกำลังอย่างที่เรียกว่า “อาร์เคเค”จะปฏิบัติการเอง โดยไม่มี “คำชี้แนะ”จาก “กองบัญชาการ”
นี่คือ การรุกคืบไปยังจุดที่เปราะบาง อ่อนไหว
นั่นก็คือ พื้นที่อันเคยคิดว่า Safty Zone หรือ ปลอดภัย
