‘หมอเรวัต’ ชี้ เพิ่มเตียงไม่ช่วย เพราะหมอ-เครื่องมือแพทย์ไม่พอ แนะทางเดียวสู้โควิดได้ คือ มีวัคซีนที่ดี

‘หมอเรวัต’ ชี้ เพิ่มเตียงไม่ช่วย เพราะหมอ-เครื่องมือแพทย์ไม่พอ แนะทางเดียวสู้โควิดได้ คือ มีวัคซีนที่ดี ชี้ ที่ไทยมีอยู่ไม่พอสู้

จากนั้นเวลา 18.00 น. วันที่ 1 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย (สร.) เสนอญัตติด่วนกรณีโควิด-19 ว่า เพื่อขอให้สภาพิจารณาแก้ปัญหาโควิด-19 ระลอกที่ 3 และระลอกต่อๆ ไปที่จะเกิดขึ้นด้วย เพียง 3 เดือนที่ผ่านมา ไทยมีผู้ติดเชื้อกว่า 2 แสนคน วันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อ 1 วันอยู่ที่ 5,000 กว่าราย เสียชีวิต 57 ราย ถือเป็นนิวไฮทั้งยอดผู้ติดเชื้อ และยอดผู้เสียชีวิต เหตุที่สูงขึ้นเช่นนี้ เพราะเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ ขณะที่วัคซีนที่เรามี เช่น ซิโนแวค ไม่สามารถรับมือกับไวรัสที่กลายพันธุ์นี้ได้ ที่สำคัญคือวันนี้สายพันธุ์เดลต้าที่ไวรัสกลายพันธุ์มานี้ยังกินส่วนถึง 50% ของผู้ติดเชื้อ ดังนั้น ถ้าประเทศเรามีวัคซีนหลักเพียง 2 ตัว คงจะเป็นปัญหาใหญ่ตามมา วันนี้ทางการแพทย์ของเรารู้ปัญหาแล้ว บุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงที่สุดได้ฉีดเพียงซิโนแวค ซึ่งเป็นเกราะที่อ่อนแอที่สุด ทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างที่โรงพยาบาลเชียงรายที่บุคลกรทางการแพทย์ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม แต่ก็ยังติดเชื้อ จึงขอเสนอให้สภามีมติไปบอกรัฐบาลว่า เราต้องจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ เช่น ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ฯลฯ ฉีดให้ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชน

นพ.เรวัตกล่าวว่า วันนี้ห่วงภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เพราะหากภูมิคุ้มกันหมู่ไม่มีก็จะมีปัญหา ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้คนกลับมาใช้ชีวิตปกติ และกลับมาทำธุรกิจได้ ทั้งนี้ ประธานบริษัทไฟเซอร์ประกาศจะลดราคาไฟเซอร์ลง อยากเห็นความเคลื่อนไหวของรัฐบาลในการจัดหาซื้อวัคซีนก้อนนี้ ต่อมาคือ จากการประชุม G7 ที่มีการประกาศจะบริจาควัคซีนให้ประเทศที่ยากจน และประเทศรายได้ปานกลางอย่างเราประมาณ 1 พันล้านโดส ถ้ามีความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ และประกาศแจ้งให้ประชาชนทราบ ประชาชนก็จะรู้สึกปลอดภัย ห่วงประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์ อย่าให้เขาต้องเสียกำลังใจเลย นอกจากนี้ เคยเตือนให้ระวังการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์แอฟริกาใต้ เพราะเป็นสายพันธุ์ที่ดื้อที่สุดในบรรดาสายพันธุ์ทั้งหมด แต่วันนี้มีสายพันธุ์ดังกล่าวหลุดเข้ามาใน กทม.แล้ว แม้จะยังไม่ระบาดในวงกว้างก็ตาม ขณะที่สถานการณ์เตียงรักษาของทุกระบบทั้งโรงพยาบาลสนาม โรงแรมที่ใช้สำหรับการรักษา ฯลฯ อัตราครองเตียงอยู่ที่ 97% แล้ว กว่าจะเคลียร์เตียง ทำให้เกิดปรากฏการณ์รอเตียงจนตาย ไม่อยากให้เกิดขึ้นในประเทศไทย และด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่จำกัดอาจต้องทำให้หมอต้องตัดสินใจว่าใครจะอยู่ ใครจะต้องตาย มองว่าเป็นโศกนาฏกรรม นอกจากนี้ เมื่อมีผู้ป่วยโควิดเข้าไปครองเตียงมากๆ จะกระทบต่อผู้ป่วยโรคอื่นๆ ของทุกระบบ เพราะจะต้องดึงบุคลากรทางการแพทย์มารับมือกับโควิด

“การขยายเตียงไม่มีประโยชน์เลย เพราะเราไม่สามารถเพิ่มหมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเครื่องมือทางการแพทย์ได้ ท่านจะได้เห็นอัตราการเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น ถ้าการบริหารจัดการขอรัฐยังทำได้ไม่ดี ไม่มีประสิทธิภาพ และล้มเหลวอยู่ รัฐบาลต้องมีวัคซีนที่มีคุณภาพ เพราะจะยับยั้งการระบาดของโรค และจะทำให้เราสามารถเปิดประเทศ กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้ ถ้าไม่ทำ หรือทำไม่ได้ สถานการณ์จะเลวร้ายมาก สถานการณ์โควิดวันนี้ไม่ใช่จุดต่ำสุด ในเร็วๆ นี้ท่านจะได้เห็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะ กทม.และปริมณฑล ที่ผ่านมาการบริหารขาดวิสัยทัศน์ นึกภาพไม่ออกว่าจะมีระลอกที่ 3 ไม่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการแก้ปัญหา ถึงขอเสนอญัตติให้สภาพิจารณามีมติส่งเรื่องไปยังรัฐบาลเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาโควิดดังที่กล่าวมา“ นพ.เรวัตกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image